Join our community of SUBSCRIBERS and be part of the conversation.

To subscribe, simply enter your email address on our website or click the subscribe button below. Don't worry, we respect your privacy and won't spam your inbox. Your information is safe with us.

32,111FollowersFollow
32,214FollowersFollow
11,243FollowersFollow

News

Company:

Monday, May 12, 2025

8 ปีที่ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง

Share

#ทีมญี่ปุ่น สวัสดีค่ะ วันนี้ปอขอมาแชร์ประสบการณ์อยู่ญี่ปุ่นกำลังจะเข้าปีที่ 8 แล้วค่ะ (เราเขียนยาวนิด คิดว่าอาจจะพอเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่มีความฝันอยากเรียนและทำงานต่างประเทศนะคะ)

>> จุดเริ่มต้นเป็นคนที่อยากมาเรียนต่างประเทศมากถึงมากที่สุด เราชอบตามล่าหาทุนตั้งแต่เด็ก เริ่มประมาณ ม.2 ค่ะ เราเริ่มหาทุนจากอินเตอร์เน็ต และแผ่นพับตามสถาบันภาษาต่าง ๆ สมัครได้บ้างไม่ได้บ้าง พอไปสอบแข่งก็มีคนที่เก่งเยอะมากจริงๆจนเราแอบท้อใจ

>> พอม.3 ไปดูหมอดูบอกว่าทำยังไงก็ได้ให้หนูได้ไปเรียนต่างประเทศ อีกวันพ่อพาไปเปลี่ยนชื่อที่เขต หลังจากนั้นดวงต่างประเทศน่าจะเริ่มเปิด สายมูต้องมา

>> ตอนม.ปลาย เราเรียนสายศิลป์ภาษาอังกฤษ-ญี่ปุ่น พอตอน ม.5 มีโครงการทุนมาแลกเปลี่ยนที่ฟุคุโอกะ 2 สัปดาห์ของกระทรวงศึกษา ฟรีหมดทุกอย่างตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินยันที่พัก เพื่อนในห้องเราสละให้เรามาแทน (ยังคิดขอบคุณเพื่อนคนนั้นถึงทุกวันนี้) ทำให้เราได้มาอยู่กับ Host family ที่คุณพ่อเป็นยากูซ่า!!! อารมณ์พอบอกว่าอยากขี่จักรยานไปโรงเรียน ตอนเช้าก็มีจักรยานมาวางหน้าบ้าน อยากทำอะไร ครอบครัวก็ให้ทุกอย่างจนแปลกใจ เราเลยมาเอะใจว่าทำไมคุณพ่อไม่ออกจากบ้านเลย อยู่บ้านทั้งวันทั้งคืน เลยมาสังเกตตอนทานข้าว

ปรากฎว่านิ้วเค้าว่าถูกตัด! ตอนนั้นจำได้ว่ากำลังกลืนซูชิ พอมองนิ้วปุ๊บ ซูชิติดคอไปเลยจ่ะ 555 อาการที่ยังตั้งรับไม่ได้ คือขนลุกไปถึงหัว กลัวมาก แต่ด้วยความที่โฮสแม่ และเพื่อนเรา พี่สาวใจดีมาก ๆ เราเลยช่างมัน ตอนนี้ก็ยังไปหาครอบครัวอยู่เป็นประจำ ตอนนั้นญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศเท่าตอนนี้ คนไปเที่ยวยังต้องขอวีซ่า สิ่งที่แปลกใจคือถนนเค้าสะอาดมาก ที่บ้านเลี้ยงน้องหมา เค้าก็เอาถุงไปเก็บอุนจิ ข้ามถนนตอนเกือบเที่ยงคืนก็รอสัญญาณไฟ เราตกใจมาก มันเหมือนเกิดมาไม่เคยเห็นความมีระเบียบวินัยแบบนี้มาก่อน

>> พอตอนจบม.ปลาย เรามีความฝันอยากเป็น ’’นายกหญิงคนแรกของไทย’’ เราตั้งใจเรียนติวและสอบตรงเข้าคณะรัฐศาสตร์ และตั้งใจจะทิ้งภาษาญี่ปุ่น เพราะมันยากมาก มากแบบ ก ล้านตัว (ถ้าใครเรียนลึก ๆ คงจะเข้าใจเรา TT) แต่ไป ๆ มา ๆอาจเป็นเพราะโชคชะตาและแม่เราชอบให้ลูกได้ภาษาที่สาม เราเลยลองสอบทุนของคณะบริหารธุรกิจ(ญี่ปุ่น) สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI) แล้วติด เลยเรียนและปักธงว่าเราจะต้องได้ทุนไปเรียนญี่ปุ่นให้ได้ ระหว่างที่เรียนมหาลัยเราสอนภาษาญี่ปุ่นไปด้วย เราไม่ได้เอาค่าขนมจากที่บ้าน เดือนนึงเราหาเงินได้ 30,000-40,000 บาทต่อเดือนเลย อยากบอกว่าภาษาที่สามสร้างเม็ดเงินได้จริงๆนะทุกคน

>> เราลองสอบทุนในมหาลัยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 4 ได้ทุน JASSO มาแลกเปลี่ยนเรียนด้านภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบเจาะลึก 1 ปีที่ Osaka University ค่าเรียนฟรี ค่ากินอยู่ได้เดือนละ 80,000 เยน (ประมาณ 24,000 บาทไทย) แล้วเราก็ทำงานเพิ่มที่ร้านอาหารไทยด้วย อยากบอกว่าตอนมาแลกเปลี่ยนเหมือนความฝันเป็นจริง เราได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ดี ครูดีมาก ได้เพื่อนหลากหลาย ได้อยู่ในประเทศที่หลายคนฝันว่าอยากมา แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนนั้นเรากลับไม่ชอบญี่ปุ่นเลย ไม่อยากกลับมาอยู่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะว่าเรายังไม่ชินกับบ้านเมืองที่ทุกอย่างเป๊ะไปหมด ผิดกับไทยแลนด์แดนสมายด์ที่อยู่แบบชิว ๆ มาตั้งแต่เด็ก

>> พอกลับไปไทยก็เรียนอีกครึ่งเทอมจนจบ และเราทำงานประจำควบเรียนไปด้วย ตอนนั้นเราได้ทำงานล่ามญี่ปุ่น และงานด้าน Marketing ญี่ปุ่นที่ใฝ่ฝัน เงินเดือนตอน 23 ปี ได้ที่ 45,000 บาท ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเด็กจบใหม่ (จริงๆยังไม่จบดี) แล้วเราก็สอนญี่ปุ่นควบด้วย ตกเดือนนึงก็ 60,000 กว่าบาท ต้องขอบคุณภาษาญี่ปุ่นจริงๆที่ทำให้เราได้เงินเดือนเยอะตั้งแต่ตอนนั้น

>> แต่ทว่า เรารู้สึกตัวว่าเราไม่เหมาะกับ ’’กรุงเทพ…ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว’’ เราตื่นนอนขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน วนลูบแบบนี้ทุกวัน ที่ทำงานเพื่อนร่วมงานดีมาก นายดีมาก แต่เราเบื่อ เบื่อการอยู่ในสังคมไทย เราอยากมีประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่น อยากลองเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมการทำงานที่จริงจัง อยากรู้ว่าคนญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นจริง ๆ เค้าทำงานยังไง แล้วเราก็เริ่มหางานที่จะเอาตัวเองไปทำงานที่ญี่ปุ่น

>> น่าจะเป็นเพราะโชคชะตา ที่มหาลัยจัดงาน Job fair เราเลยปริ้นส์ Resume แล้วฝากให้รุ่นน้องโปรยไปทุกบริษัทที่ได้ไปทำที่ญี่ปุ่น และแล้วเราก็ได้รับการติดต่อจากประธานบริษัท (บริษัททำเกี่ยวกับ Recruitment วิศวกรต่างชาติ) ว่าเค้าสนใจ อยากเรียกเราสัมภาษณ์ จากนั้นก็ผ่านกระบวนการสัมภาษณ์และบินมาทำงานที่ญี่ปุ่น

>> การทำงานที่ญี่ปุ่นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ได้เปิดโลกกว้าง เราได้เรียนรู้การทำงานที่จริงจังและความรับผิดชอบที่สูง เราเข้ามาทำตำแหน่งล่ามและSales co เริ่มแรกมีการ Homesick ร้องไห้คิดถึงที่บ้าน คือทำงานที่ญี่ปุ่น งานคืองานจริงๆ ระหว่างทำงานมีคุยเล่นบ้าง แต่บรรยากาศต่างกับที่ไทยแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

>> พอเราทำงานไปเริ่มรู้สึกว่ามีอีกความฝันนึงที่ยังไม่ได้ทำคือการสอบ ‘’ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น’’ ถ้าใครเรียนญี่ปุ่นจะรู้ว่าทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นทุนที่แทบจะดีที่สุดในโลก เป็นทุนให้เปล่า ฟรีทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบิน+ค่าเรียน+ค่ากินอยู่เดือนละ 144,000 (ประมาณ 43,000 บาท) เรทที่ได้แล้วแต่พื้นที่ที่มหาลัยตั้งอยู่ เราได้สอบทุนรัฐบาลแบบ Recommendation จากมหาลัยที่ไทย (ไทย-ญี่ปุ่น) โดยการยื่นผลการเรียน ประสบการณ์การทำงาน จดหมายแนะนำจากคณบดี และสัมภาษณ์ พอผ่านได้รับทุนเราเลยบอกออกจากบริษัทและโบยบินไปตามความฝัน

>> เราเรียนต่อ MBA ที่ Shiga University ด้วยการเรียนการสอนแบบภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเราคือข้อสอบเขียนตอนเข้ามหาลัย เราได้ทุนมาก็จริง แต่ต้องสอบเข้ามหาลัยให้ได้ภายใน 1 ปี ซึ่งเป็นข้อเขียน+สอบสัมภาษณ์เกี่ยวกับด้านบริหารธุรกิจ จำได้ว่าอ่านหนังสือหลายเล่มมาก จำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ หินสุดๆ การเรียนที่นี่มีวิชาพื้นฐานบังคับและวิชาเลือกที่เรียนได้อย่างอำเภอใจ เลือกเรียนในวิชาที่สนใจจริงๆ ต่างกับที่ไทยที่บังคับให้เรียนเยอะมาก ตรงนี้เป็นจุดที่เรารู้สึกว่ามันดี ตอนจบเราก็ทำวิทยานิพนธ์เป็นภาษาญี่ปุ่น ระหว่างเรียนก็ทำล่าม+ไกด์ควบไปด้วย

>> การทำงานอีกครั้งในญี่ปุ่นที่บริษัทเกี่ยวกับเครื่องบิน เราทำงานเป็นผู้ประสานงาน Recruit และคัดเลือกวิศวกรการบินจากต่างประเทศ เลยใช้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ การทำงานบริษัทใหญ่ทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผู้คนที่ทำงานเก่งๆมารวมตัว ทุกคนต้องได้ภาษาอังกฤษ ตอนเขียนอีเมล์จะเขียนข้างบนญี่ปุ่นข้างล่างอังกฤษ เราเป็นคนอายุน้อยที่สุดในแผนก เลยกดดัน และแอบคิดเสมอว่าอยากเก่งเหมือนคนอื่นบ้าง ร้องไห้บ้าง แฮปปี้บ้างสลับกันไป

>> พอโควิดการบินทุกอย่างหยุดชะงัก เราเลยต้องเปลี่ยนบริษัททำงาน เราทำงานเป็นเซลล์ในบริษัทเกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์ กำลังเรียนรู้และอยากเติบโตในสายงานนี้ เราคิดว่าการทำงานที่ญี่ปุ่นต้องใช้ความอดทน เพราะ ด้วยการทำงานที่เป็นระบบ บวกกับกำแพงด้านวัฒนธรรมค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับสังคมการทำงานที่เจอ คนที่อยากจะย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นนานๆต้องปรับตัวให้เร็ว และพยายามทำความเข้าใจกับระบบความคิดของเค้า

>> สรุปว่าก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าจะกลับไทยดีรึเปล่า คิดไม่ตกว่าถ้ากลับไทยจะอยู่ได้มั้ย เราชินกับสังคมและความเป็นอยู่ในญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าจะให้กลับไปอยู่ใน ‘’กรุงเทพ…ชีวิตดีๆที่ลงตัว’’ เราอาจจะอึดอัดกับสิ่งที่ทุกคนก็รู้กัน

>> ใครที่อยากย้ายมาอยู่ต่างประเทศ แนะนำให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษและเป็นไปได้ก็เรียนภาษาที่สามเพิ่มเติมเผื่อไว้จะดีกว่า ถ้าอยากจะสอบทุนตั้งใจเรียน ทำเกรดให้ดีเพื่อจะได้ยื่นทุนได้ง่ายขึ้น Run the World!!! ไปเลยค่าาาา

>> ขอทิ้งท้าย เราชอบท่องเที่ยวมากเลยทำ Facebook page และ YouTube ชื่อว่า ‘’NipponPor’’ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ จะพยายามมาอัพเดทเรื่อย ๆ ค่า

Facebook Page : https://b-m.facebook.com/nipponpor/

YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/UCDIJtPf7ESymVQFedD6BbMQ

Gawao
Gawaohttp://konderntang.com
มีความชอบและหลงไหลในเทคโนโลยีทางด้านไอที การลงทุน และเงินคริปโต .. นอกจากนี้แล้วมักใช้เวลาว่างไปกับการท่องเที่ยว ถ่ายรูป ไปค่ายอาสา ..

Read more

Local News