Tuesday, October 21, 2025
Home Blog Page 33

เงินในโลกดิจิตอล (บิทคอยน์)

0
บิทคอยน์
บิทคอยน์

ในยุคที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนในบางครั้งประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ไม่สามารถที่จะติดตามทําความรู้จักและเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกประดิษฐ์ คิดค้นขึ้นมาใหม่ได้ทันไปทั้งหมด และนั่นก็คงจะรวมไปถึงนวัตกรรมการชําระเงินล่าสุดที่ได้รับการพูดถึงอย่างหนาหูในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเรียกว่า “บิทคอยน์” ด้วยเช่นกัน

บิทคอยน์ คือ หน่วยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นจากกลไกทางคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นโดย บุคคลลึกลับ (ปัจจุบันเชื่อกันว่า คือ Mr.Satoshi Nakamoto) จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกกันว่า เงินดิจิตอล (Digital money) หรือ เงินเสมือนจริง (Virtual currency)

ความเป็นมาของบิทคอยน์

บิทคอยน์ เริ่มถูกนํามาใช้ในปี พ.ศ. 2552 โดยคนกลุ่มหนึ่งเพื่อ การชําระ หรือโอนและแลกเปลี่ยนกันเฉพาะเครือข่ายในโลกออนไลน์อย่างไรก็ตามแม้จะมีการใช้คําว่า “เงิน” แต่เงินดิจิตอลนี้ไม่ถือเป็นเงินที่ใช้ชําระหนี้ได้ตามกฎหมายและไม่มีมูลค่าในตัวเอง มูลค่าที่เกิดขึ้น เกิดจากความต้องการของกลุ่มคนที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเองดังนั้นมูลค่าจึงเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และอาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าได้เมื่อไม่มีความต้องการแล้ว ตัวอย่าง เช่น ร้านค้าที่รับชําระด้วยเงินดิจิตอล หากมีความจําเป็นต้องการใช้เงิน ก็ต้องนําไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราสกุลต่าง ๆ เช่น ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ แม้แต่เงินบาท เสียก่อน และอัตราที่แลกเปลี่ยนก็ไม่แน่นอน มูลค่าที่ได้รับอาจจะมากกว่า น้อยกว่า หรือไม่มี มูลค่าเลยเมื่อเทียบกับราคาสินค้าที่ขายไป ดังนั้นเงินดิจิตอลจึงเป็นเพียงแค่หน่วยอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในบทความนี้จะขอใช้คําว่าเงินดิจิตอลไปก่อน

เงินดิจิตอล ฟังดูเผิน ๆ อาจจะคล้ายกับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) แต่ความจริงแล้ว แตกต่างกันโดย สิ้นเชิง โดย e-Money เช่น บัตรที่ใช้ในศูนย์อาหาร บัตรโดยสารรถไฟฟ้า หรือ การใช้ e-Money ผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีการให์บริการอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นบริการทางการชําระเงินที่ประชาชนนําเงินจริงมาชําระไว้ล่วงหน้าให้แก่ผู้ให้บริการและมีการบันทึกมูลค่าหรือจํานวนเงินไว้แน่นอนและผู้ให้บริการจะรับผิดชอบต่อ e-Money ดังกล่าวตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ ซึ่งเงินคงเหลือที่ถูกบันทึกอยู่ในสื่อ ต่าง ๆ ยังเป็นของผู้ใช้บริการตามมูลค่าเงินนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ต่างจากบิทคอยน์ที่เป็นเพียงข้อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีการกําหนดมูลค่ากันเองภายในกลุ่ม

วิธีการได้บิทคอยน์มาครอบครอง

การที่จะได้มาซึ่งบิทคอยน์นั้น ผู้เล่น หรือ “Miners” ต้องแก้ปัญหาโจทย์ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนและมี ความยากขึ้นเรื่อย ๆ แปรผันตามจํานวน บิทคอยน์ ที่ออกไปสู่ระบบ ซึ่งการแก้โจทย์ที่ว่านั้นต้องใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพสูงมาก โดยหากแก้โจทย์ได้จะได้รับบิทคอยน์เป็นผลตอบแทน ซึ่งจะลดลงกึ่งหนึ่ง ทุก ๆ 4 ปี เช่น ถ้าในช่วงปี 2552-2556 ได้รับผลตอบแทนเป็นจํานวน 50 บิทคอยน์ในสี่ปีถัดไปจะได้รับบิทคอยน์เพียง 25 หน่วยหากแก้โจทย์สําเร็จ โดยจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไปจนคาดว่าในที่สุดบิทคอยน์ในระบบจะมี จํานวนเท่ากับ 21 ล้านหน่วย

แต่ถ้าเห็นว่าการเป็น Miners ช่างยุ่งยาก วุ่นวาย คุณก็อาจรับโอนหรือซื้อบิทคอยน์จากผู้ที่ถือครองได้ โดยต้องลงโปรแกรม Bitcoin Wallet บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งโปรแกรมจะสร้างที่อยู่ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเลขที่บัญชี เพื่อการจัดเก็บบิทคอยน์

โดยในประเทศไทยเองก็มีผู้ให้บริการ Bitcoin Wallet หลายราย เช่น Coins.co.th, Bx.in.th เป็นต้น หากใครที่ต้องการเป็นเจ้าของ บิทคอยน์ สามารถสมัครเว็บไซต์ดังกล่าว และทำการโอนเงินเพื่อซื้อบิทคอยน์จากผู้ให้บริการ

อย่างไรก็ดี ในระยะที่ผ่านมาเริ่มมีการนําเงินดิจิตอลอย่างบิทคอยน์ มาใช้เพื่อซื้อสินค้าและบริการจริงจาก ร้านค้าออนไลน์และร้านค้าทั่วไป เช่น เว็บไซต์ Overstock.com ของสหรัฐอเมริการ้านค้าออนไลน์ขนาด ใหญ่แห่งแรกที่เปิดรับการจ่ายเงินด้วยบิทคอยน์รวมถึง ร้านอาหาร โรงแรม บางแห่งเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนําบิทคอยน์ไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินจริงและมีการกําหนดอัตราแลกเปลี่ยนกันเองภายในเครือข่าย

ด้วยเหตุนี้เองบิทคอยน์จึงกลายเป็นช่องทางการเก็งกําไรรูปแบบใหม่ที่เย้ายวนให้นักเก็งกําไรหันมาให้ความสนใจในบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ …

บิทคอยน์กับความเสี่ยงและผลตอบแทน

1. ความเสี่ยงประการแรก คือ แม้จะมีคําว่า “Currency” เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่บิทคอยน์นั้นยังไม่ถือว่าเป็นเงินตราตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากทางการจึงไม่ได้รับการคุ้มครองและไม่สามารถใช้ชําระหนี้ได้ตามกฎหมาย การซื้อขายแลกเปลี่ยนถือเป็นข้อตกลงร่วมกันเองระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย และหากเกิดปัญหา การฟ้องร้องอาจ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการทําธุรกรรม Bitcoin นั้น ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของคู้ค้าผู้ทําธุรกรรม เช่น ชื่อ ที่อยู่ ประวัติการทําธุรกรรม และไม่จําเป็นต้องแสดงตัวตนในการใช้บริการ

2. ความเสี่ยงที่สําคัญอีกประการหนึ่ง คือ มูลค่าของบิทคอยน์จะมีความผันผวนอย่างมาก เพราะอัตราแลกเปลี่ยน ของบิทคอยน์จะผันแปรไปตามความต้องการซื้อและขาย ณ ช่วงเวลานั้น ๆ โดยในช่วงเริ่มต้นมูลค่าของบิทคอยน์คิดเป็นเพียงไม่กี่เซนต์แต่ก็ปรับตัวสูงขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ในปีที่ผ่านมาโดยพุ่งจนเกือบเท่าทองคํา เพียงในระยะเวลาอันสั้น จนถึงจุดสูงสุดประมาณ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 บิทคอยน์ก่อนจะตกลงมา เหลือประมาณ 850 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในวันเดียว เมื่อธนาคารกลางประเทศจีนสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการรับชําระเงินยุ่งเกี่ยวกับบิทคอยน์ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายบิทคอยน์หรือการให้บริการที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

Bitcoin Price Chart

ปัจจุบัน บิทคอยน์ มีราคาเคลื่อนไหวอยู้ที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 บิทคอยน์ (ข้อมูล ณ วันที่  28 มีนาคม 2562) โดยมูลค่าที่ ผันผวนนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของผู้ถือครองบิทคอยน์และหากมูลค่าบิทคอยน์ลดลงหรือเพิ่ม สูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจไปถึงจุดที่เกิดการล่มสลาย ทําให้บิทคอยน์ที่ถือครองอยู่ไม่มีมูลค่าพื้นฐานใดเลยก็เป็นได้

นอกจากนี้บิทคอยน์ยังมีความเสี่ยงจากการสูญหายได้เนื่องจากถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของผู้ถือครอง ซึ่งมีความเสี่ยงจากการที่เครื่องสูญหาย หรือ ถูกโจรกรรมข้อมูล โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ บริษัท Mt.Gox ตลาด บิทคอยน์ ที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ในญี่ปุ่นได้ยื่นขอล้มละลายเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่บริษัทอ้างว่าถูกโจรกรรมข้อมูล และสูญเสียบิทคอยน์มูลค่าราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โดยสรุปแล้ว บิทคอยน์ ถือเป็นนวัตกรรมการชําระเงินรูปแบบใหม่ที่มีความซับซ้อน หากต้องการจะถือครอง บิทคอยน์ หรือ ระบบ Digital/Virtual currency อื่น ๆ ในลักษณะดังกล่าว คุณควรศึกษาข้อมูลและทําความ เข้าใจอย่างถ่องแท้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็น “ความเสี่ยง” ที่อาจเกิดขึ้น….


ต้นฉบับบทความ

เพชรินทร์ หงส์วัฒนกุล และ รังสิมา บุญธาทิพย์

เริ่มต้นกับการขุด Bitcoin และ Ethereum

0
การขุดเหรียญ Digital

บทความนี้ถือเป็นบทนำเริ่มต้น จะพูดถึงเนื้อหาสำหรับผู้เริ่มต้นทั่ว ๆ ไปที่ต้องการทราบเกี่ยวกับการขุด Bitcoin และ Ethereum จะยังไม่เจาะลึกอะไรมากมายนัก

Bitcoin และ Ethereum คืออะไร?

ทั้งสองอย่างเป็นสกุลเงินดิจิตอล ที่มีมูลค่าจริง สามารถแลกกลับมาได้เป็นเงินจริง ๆ สามารถดูมูลค่าของค่าเงินทั้ง 2 สกุลได้ที่ https://coinmarketcap.com/

แล้วอะไรดีกว่า?

แนะนำให้ขุดทั้ง 2 อย่าง เพราะ

  • Bitcoin เป็นสกุลเงินที่เกิดมาก่อน ในปัจจุบันนี้หลายประเทศสามารถถอนเข้าธนาคารได้เลย ประเทศไทยก็มี เช่น coins.co.th, bx.in.th
บิทคอยน์
บิทคอยน์
  • Ethereum เป็นสกุลเงินที่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของ Bitcoin บางคนอาจจะเรียกว่า Bitcoin2 เริ่ม Official Luanch ประมาณกลางปี 2015 (July 2015) ข้อได้เปรียบของ Ethereum คือ ธนาคารในหลายประเทศให้การสนับสนุน และร่วมทดสอบสกุลเงิน Ethereum รวมถึง Microsoft เอง ก็มี Cloud ที่ Support Ethereum โดยเฉพาะบนระบบ Azure และมูลค่าของ Ethereum มองย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่เริ่มใช้ จนถึงวันนี้กระโดดไปมากกว่า 1,000% ดู History ได้จากเว็บ https://coinmarketcap.com/
ethereum น้ำมันในโลกดิจิตอล
ethereum น้ำมันในโลกดิจิตอล

แล้วจะเริ่มขุดยังงัย?

  • ก่อนอื่นต้องมีกระเป๋า Bitcoin และ Ethereum ก่อน สำหรับ Bitcoin นั้นไม่ยาก สามารถสมัครได้ที่ coins.co.th
  • Ethereum นั้นยังไม่มีผู้ให้บริการมากนัก (จริง ๆ มีแต่มันยาก ไว้เทพก่อนค่อยมาสอน) แต่เบื้องต้นให้ Download Ethereum Wallet จากเว็บ https://www.ethereum.org/ มา Install ที่เครื่องได้เลย หลังจากเปิดใช้งานแล้ว ให้โปรแกรมโหลด Chain ทั่วโลกทั้งหมดมาก่อน (อาจจะใช้เวลาเป็นวัน) หลังจากนั้นเราก็จะมีกระเป๋า Ethereum ที่พร้อมใช้ในการขุดแล้ว
  • หากข้อก่อนหน้านี้ยากเกินไป แนะนำให้สมัครใช้งาน coinbase.com เพราะในตอนนี้รองรับการใช้งานกระเป๋า Ethereum แล้ว
  • สมัครสมาชิกเว็บ www.genesis-mining.com หลังจากนั้นก็ซื้อกำลังขุดว่าจะขุดเท่าไหร่ โดยส่วนมากแล้วจะคืนทุนที่ราว ๆ เดือนที่ 5 หลังจากนั้นแล้วกำลังขุดที่เรายังมี ก็จะสร้างกำไรให้เราตลอด เว็บนี้สามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อกำลังขุดได้

ประวัติ Ethereum (น้ำมันในโลกดิจิตอล)

0
ethereum น้ำมันในโลกดิจิตอล
ethereum น้ำมันในโลกดิจิตอล

จุดเริ่มต้นของ Ethereum

Ethereum ถูกเขียนขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ชื่อ Vitalik Buterin ชาวรัสเซีย ซึ่งในขณะนั้นอายุยังไม่ถึง 20 ปี โดยมีเป้าหมายในการสร้างโปรแกรมทางการเงินที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เขาบอกว่ามันเป็น “Cryptocurrency รุ่นต่อไป และเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้การกระจายอำนาจ” ยังเชื่อว่า หลาย ๆ โปรแกรมจะได้รับประโยชน์จากซอฟต์แวร์ ที่พัฒนาตาม ๆ บิทคอยน์ ออกมา

โครงการซอฟต์แวร์ Ethereum ถูกพัฒนาครั้งแรกในช่วงต้นปี 2014 โดย บริษัท Ethereum Switzerland GmbH (EthSuisse) หลังจากนั้นไม่นาน มูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไรก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้น นั่นคือมูลนิธิ Stiftung Ethereum แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับ Ethereum คำถามเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยและความยื่ดหยุ่นของมันก็ยังถูกตั้งคำถามขึ้น ต่อมาในปี 2014 Vitalik Buterin ได้รับรางวัลเทคโนโลยีโลกสำหรับผู้ร่วมสร้าง และประดิษฐ์ Ethereum

มูลค่าการซื้อขาย Ethereum เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2016
มูลค่าการซื้อขาย Ethereum เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2016 : ข้อมูลจาก coinmarketcap.com

เงินทุนเริ่มต้นโครงการ Ethereum ได้จาก Crow Sale กับผู้ซื้อ Ether และ Bitcoins ในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม ปี 2014 ยอดรวมของ Bitcoins ที่ได้จากงานวันที่ 2 กันยายน ปี 2014 มีมูลค่า 18,439,086 ดอลลาร์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2016 มูลค่าตลาดของ Ether มีมากขึ้นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Vox (สำนักงานข่าวของอเมริกา) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า สกุลเงินที่ค่อนข้างใหม่นี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช้ Bitcoin

องค์การอิสระ [Decentralized Autonomous Organization (DAO)] และ Blockchain fork

วันที่ 7 มิถุนายน ปี 2016 DAO ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปฏิวัติการใช้งาน Ethereum นั่นสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแพตฟอร์มนี้ โดย Ethereum ถูกแฮ็กถึง 3 รอบด้วยกัน จากเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ DAO ต้องเสียเงินมูลค่าประมาณ 50 ล้านดอลาร์ในตอนที่กำลังเคลื่อนย้ายข้อมูล จากนั้น DAO ได้ป้องกันแนวโน้มที่จะโดนแฮกเกอร์แฮ็กข้อมูล โดยนำข้อมูลใส่ใน ChildDAO

Ethereum community ได้ถกเถียงกันในเรื่องของการปรับปรุง Ether และการปิด DAO แต่ว่ายังไม่สามารถถอน Ether ออกจาก DAO ได้ในทันที หลังจากนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ DAO ก็ได้ถูกปิดตัวลง คืนเงินให้กับองค์การ นี่เป็นครั้งแรกของ Blockchain ที่ต้องชดเชยให้กับนักลงทุนในองค์กรที่ล้มเหลว และ Hard Fork ทางออกสุดท้าย

Ether

มูลค่าเงินตราของ Ethereum Blockchain เรียกว่า Ether มีการซื้อขายในตลาดหุ้นของ Cryptocurrency นอกจากนี้ยังมีการใช้จ่ายสำหรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และบริการ

ประวัติมูลค่าการซื้อขาย Ethereum เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2016
ประวัติมูลค่าการซื้อขาย Ethereum เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2016 : ข้อมูลจาก coinmarketcap.com

Computational ในเครือข่าย Ethereum

Buteri ขายหุ้น Ether ที่เขาถือครองอยู่ 25% ในเดือนเมษายน 2016 เขาได้อธิบายว่าการกระจายความเสี่ยงนี้เป็นการกระจายความเสี่ยงแบบ “Sound Financial Planning” และนอกจากนี้ ยังมีการยกคำพูดของ Gavin Andresen นักพัฒนา Bitcion มาอีกด้วยว่า “ฉันบอกว่ามันเป็นการทดลอง บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้”

เมื่อองค์การอิสระ (DAO) ถูกแฮ็ก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2016 ราคามันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น จาก $21.50 เหลือ $15 ในเดือนสิงหาคม 2016 มี Ether สองรุ่นที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นสาธารณะ ภายใต้ชื่อย่อ ETH และ ETC

Smart contracts

Smart contracts มีการใช้งานในภาครัฐ ถูกจัดเก็บไว้ใน Blockchain พวกเขาได้อำนวยความสะดวก ตรวจสอบ บังคับใช้การเจรจา การปฏิบัติงานตามสัญญา หรือสัญญาที่ไม่จำเป็นสัญญา Ethereum สามารถดำเนินการใน Turing ภาษาสคริปต์ต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์

New York Time (สำนักงานหนังสือพิมพ์ของอเมริกา) ได้พูดถึงระบบ Ethereum ว่า “คอมพิวเตอร์ที่ใช้ร่วมกันที่ดำเนินการได้โดยเครือข่ายของผู้ใช้ และทรัพยากรที่มีการจอง จ่ายโดย Ether” 

Smart contracts บน Blockchain สาธารณะยังมีข้อบกพร่องอยู่ รวมถึงช่องโหว่งในการรักษาความปลอดภัยที่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด แต่ว่าไม่สามารถแก้ไขได้โดยเร็วในทันที วันที่ 17 มิถุนายน 2016 การโจมตีองค์การอิสระ (DAO) นั้นไม่สามารถหยุดยั้งหรือย้อนได้ในทันที สัญญารถเท่านั้นที่ได้รับการแก้ไขโดยการย้อนกลับไปทำธุรกรรมการซื้อขายบน Ethereum Blockchain

ภาษาโปรแกรม

Ethereum Virtual Machine (EVM) ทำงานบนโปรโตคอลที่กำหนดไว้โดย Gavin Wood Solidity เป็นการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาสคริปต์เหมือนออกแบบมาเพื่อพัฒนา Smart contracts บน Ethereum Virtual Machine (EVM)

Solidity ถูกรวบรวมเพื่อ Bytecode ซึ่งเป็นการปฏิบัติการบน EVM โดยใช้ Solidity นักพัฒนาสามารถเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะทางธุรกิจข้อตกลงแบบควบคุมตัวเอง

รวบรวมไว้ใน Smart contracts

ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ขององค์กร เช่น Microsoft และ ConsenSys ยังได้สร้างระบบที่แปลภาษาโปรแกรมทั่วไป เช่น Visual Basic เข้าไปใน Solidity coded Smart contracts

ประสิทธิภาพ 

ใน Ethereum ตัว Smart contracts ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ใน Blockchain ซึ่งมีการได้อย่างเสียอย่าง ข้อเสียคือปัญหาประสิทธิภาพการทำงานที่เกิดขึ้นในการที่ทุกโหนดคำนวณ ทุก Smart contracts ทั้งหมดแบบ real time ส่งผลให้ความเร็วนั้นช้าลง วิศวกร Ethereum ได้ทำงานเกี่ยวกับการคำนวณการกระจายข้อมูล แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ในเดือนมกราคม 2016 โปรโตคอล
Ethereum สามารถประมวลผลการทำธุรกรรม 25 ครั้งต่อวินาที

การใช้ประโยชน์

แพลตฟอร์ม Ethereum มีการใช้หลายที่ แต่ส่วนใหญ่จะใช้ Cryptocurrency (ระบบการโอนค่าเข้ารหัสรักษาความปลอดภัย) โดยเดือนมีนาคม 2016 บริษัท พัฒนา Ethereum กระจายแพลตฟอร์มแอพลิเคชันจนเกิดเป็นเทคโนโลยี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นที่ยอมรับแก่ผู้คนที่สนใจ รวมถึง Microsoft, IBM และ JPMorgan Chase สมมติว่าซอฟต์แวร์ระดับสูงสามารถใช้ Ethereum เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์

การประยุกต์ใช้งาน

Ethereum ถูกนำมาใช้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการใช้งานกระจายอำนาจ องค์การอิสระ (DAO) และ Smart contracts ขอบเขตของการใช้งานรวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเงิน, internet to thing, การจัดการเอกลักษณ์, ทำ farm-to-table, การจัดหาไฟฟ้าและการกำหนดราคา, การพนันกีฬา

องค์การอิสระ (DAO) อาจช่วยให้ความหลากหลายของรูปแบบธุรกิจมีความเป็นไปได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปไม่ได้ หรือมีราคาแพงเกินไปที่จะเรียกใช้

การนำมาใช้

ในเดือนมีนาคม 2016 New York Times ระบุว่า การยอมรับแพลตฟอร์ม Ethereum ยังคงเร็วไป และ Ethereum อาจพบปัญหาทางเทคนิคและทางกฎหมายที่จะชะลอการเจริญเติบโตของการกระจายแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ หลายคนบอกเกี่ยวกับ Ethereum ว่า “ต้องเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยมากขึ้นกว่า Bitcoin เนื่องจากความซับซ้อนมากขึ้นของซอฟแวร์”

บทความ New York Times กล่าวว่า “ระบบที่มีความซับซ้อนพอที่แม้กระทั่งคนที่รู้ว่ามันจะมีปัญหาในการอธิบายในภาษาอังกฤษง่ายๆ”

Microsoft ความร่วมมือกับ ConsenSys และเน้นเทคโนโลยี Ethereum มากขึ้น ลูกค้าที่นิยม cloud-based ที่ใช้บริการทางธุรกิจ Microsoft Azure มีการเข้าถึงเครื่องมือของบุคคลที่สาม “ช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสและสร้างด้วย cloud-based ตามการใช้งานของ Blockchain จากความปลอดภัยการชำระเงินการค้าข้ามพรมแดน”

อธิบาย Ethereum ด้วย Infographics
อธิบาย Ethereum ด้วย Infographics : http://ethereumtimeline.org/