บทความนี้จะเป็นบทความเชิงวิเคราะห์นิดนึงนะ สอดแทรกด้วยความเห็นส่วนตัวบ้าง จะถูกหรือผิดนั้นก็ไม่อาจจะฟันธงลงไปได้ การวิเคราะห์ทั้งหมดจะใช้ข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งมาเป็นตัวแปรในการตัดสินใจ มาดูกันครับว่าเหรียญตัวไหนที่น่าสนใจในการถือยาว ๆ ไว้เก็งกำไร
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้ ว่าเหรียญคริปโตเหรียญไหนที่เหมาะที่จะถือยาว และ จะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจในอนาคต พวกเราจะพยายามหาว่าโปรเจ็กไหนในปี 2020 จะเป็นโปรเจ็กที่น่าลงทุนโดยดูจากมูลค่าตลาดรวม
พวกเราคาดเดาว่าบล๊อกเชน เทคโนโลยี และ คริปโตเคอเรนซี่จะมาเปลี่ยนโลกในอนาคตอย่างที่พวกเรารู้กัน พวกเราเดาว่าคริปโตเคอเรนซี่จะสามารถประสบความสำเร็จดุถ้าพวกเขามี use case ที่ใช้ได้จริง และ สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงได้ในธุรกิจ, การวิจัย และ ในวงการต่าง ๆ และนี่คือ 10 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนจาก มูลค่าตลาดรวม
Ethereum
ในความคิดพวกเรา Ethereum จะเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกของการพัฒนาแอปพลิเคชั่นบนบล๊อกเชน ความต้องการและการใช้งานของ Ethereum Blockchain ที่มากขึ้นจะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ โดยจะแรงขับเคลื่อนจะมาจากกลุ่มพัฒนา Dapps และ กลุ่มนักลงทุน ซึ่งจะมีการแข่งขันเกิดขึ้น
Ethereum จะสามารถสเกลก่อน EOS และ Dapp แพลตฟอร์มอื่น ๆ จะมาแข่งส่วนแบ่งของตลาดได้หรือไม่? เพราะ sharding น่าจะใช้เวลาอีกระยะนึงในการพัฒนา และการพัฒนา plasma โซลูชั่นของการขยาย ซึ่งจะได้รับการพัฒนาโดย OmiseGo จากนั้น Ethereum blockchain จะสามารถประมวลได้ 1 ล้านธุรกรรมต่อวินาที และ สามารถขยายได้อีกมาก
นอกจากนี้ Ethereum มี Enterprise Ethereum Alliance เป็นสมาคมที่ช่วยสนับสนุน เป้าหมายหลักของ การร่วมมือครั้งนี้คือการสร้างซอฟท์แวร์สำหรับธุรกิจระดับ Enterprise ที่ต้องการแอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็ว โดยมีบริษัทมากมายที่เข้าร่วมอย่าง Microsoft, ING, UBS, BP และ Intel
IOTA
Internet of Things เป็นสิ่งที่ใหญ่และได้รับความสนใจอย่างมากมายในด้านนวัตกรรมที่จะเป็นสิ่งที่ใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เป้าหมายของ Internet of Things คือการให้เครื่องยนต์ หุ่นยนต์ต่าง ๆ สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์
ในอนาคตตู้เย็นอาจจะสามารถสั่งอาหารได้อัตโนมัติเมื่อตู้เย็นว่างและรถยนต์สามารถจ่ายค่าที่จอดเองได้ IOTA จะเป็นกระดูกสันหลังของธุรกรรมของ Internet of Things และ ทำให้การจ่ายเงินระหว่างหุ่นยนต์เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะ smart cities, supply chain และ การขนส่งจะเป็นวงการที่สำคัญของแอปพลิเคชั่นนี้
IOTA สามารถเป็นพาร์ทเนอร์กับ Bosch, VW และ Fujitsu ได้และทำให้พวกเราได้ใช้เทคโนโลยี Tangle ที่ทาง IOTA พัฒนา Bosch ซื้อ IOTA อย่างมากมาย ประเทศไต้หวันเองก็พาร์ทเนอร์กับ IOTA เพื่อสร้าง Smart City ดังนั้น Tangle technology ได้ออกแบบเพื่อสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย
Ripple
Ripple เป็นโปรเจ็คที่มีความใกล้ชิดกับระบบธนาคารและเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ Ripple มีพาร์ทเนอร์อย่างมากมาย โดยมีพาร์ทเนอร์กับ Money 20/20 Europe conference, โดย CEO ของ Ripple กล่าวว่าในปี 2019 จำนวนของธนาคารจะใช้ Ripple มากขึ้นมหาศาล
Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple เชื่อว่า Ripple จะสนองความต้องการของตลาดได้เพราะมี use case ที่ชัดเจน และ จะสามารถเติบโตได้มากกว่าเหรียญอื่น ๆ Ripple มีซอฟท์แวร์โซลูชั่นบนบล๊อกเชนมากมายที่สถาบันการเงินใช้ Garlinghouse บอกว่า xRapid ที่ใช้ เหรียญ XRP จะมีธนาคารใช้งานมากขึ้นภายในปี 2019
ในขณะนี้ Ripple มองเครือข่ายของธนาคารต่างที่มีมากกว่า 100 ธนาคาร อย่าง LianLain International, Santander Bank, IDT Corporate และ MercuryFX, Rakbank, Standard Charter และ AXIS Bank
นอกจากนี้ยังมีพาร์ทเนอร์อื่น ๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กันนานแล้วอย่าง UBS, UniCredit, Bank of America Merril Lynch, ReiseBank, BBVA (ธนาคารที่ใหญ่อันดับสองของประเทศสเปน), Mitsubushi UFG of Japan (ธนาคารที่ใหญ๋ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น), SBI Holding และ Akabnk (ตรุกี)
EOS
เปรียบเทียบ EOS และ Ethereum จะเห็นได้ว่าแพลทฟอร์มทั้งสองกำลังมีเป้าหมายเดียวกัน EOS ต้องการจะเป็นแพลทฟอร์มสำหรับการพัฒนา Dapps เช่นกัน
EOS mainnet กำลังจะเริ่มใช้งาน และ มีฟีเจอร์ที่ดีกว่า Ethereum มากมายในระยะสั้น นอกจากนี้จะไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย EOS และ นักพัฒนาระบบ Dapp จะสามารถตัดสินใจได้ว่าเก็บ EOS รึเปล่า นอกจากนี้ EOS จะสามารถรับรองมากถึง 1 ล้านธุรกรรมต่อวินาทีในอนาคต (โดยจะยังไม่รองรับถึง 1 ล้านในช่วงเปิดตัวช่วงแรก ๆ)
ในมุมมองของพวกเรา EOS จะเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำนอกตลาดเอเชียและรัสซีย
Bitcoin
Bitcoin จะค่อย ๆ เสียส่วนแบ่งของตลาดจนถึงปี 2020 และอาจจะเสียตำแหน่งอันดับ 1 และ ฟังก์ชั่นการทำงานแบบสกุลเงิน ก่อนหน้านี้ บิทคอยเคยมีส่วนแบ่งของตลาดมากถึง 95% จากนั้นก็ลงมาที่ 85% และลดลงมาเรื่อย ๆ ถึง 32% ในเดือนมกราคม 2018
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราเชื่อว่าราคาบิทคอยจะสูงขึ้นโดยเงินที่ไหลเข้ามาจากสถาบันการเงิน และ นักลงทุนหน้าใหม่ โดยเฉพาะครึ่งปีที่สองของ 2018 และ 2019
ในความคิดเห็นของพวกเรา เงินที่ไหลเข้ามาจากสถาบันการเงินไม่ใช่คำถามของคำว่า จะเข้ามามั้ย แต่เป็นคำถามว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่ พวกเราได้รายงานได้แล้วว่า บริษัททั่วโลกกำลังวางเผนที่จะเข้ามาในตลาดคริปโต และสิ่งนี้จะทำให้บิทคอยได้รับผลประโยชน์ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่องในปี 2018 ทำให้บิทคอยเป็นสกุลเงินสำรอง และ คริปโตที่จัดตั้งมานานที่สุด
มีคนคาดหวังจาก Ligthning Network อย่างมากมายว่าจะทำให้เกิดการยอมรับบิทคอยมากขึ้น ในช่วงที่มีภาวะทางการเงิน บิทคอยสามารถเป็นสกุลเงินคริปโตสำรอง
ปัญหาหลักของบิทคอยคือความเฉื่อยของเครือข่ายบิทคอยและการที่จะมีฉันทามติในการพัฒนาบิทคอย ความสับสนเกิดขึ้นว่าควรจะใช้ Lightning Network แบบ off-chain เพื่อแก้ปัญหา scaling หรือไม่ ในขณะที่ปัญหา on-chain เกิดขึ้น โดยการขยายขนาดบล๊อก อย่าง SegWit2X ที่นักพัฒนาระบบออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างมากมาย
Cardano
Cardano เป็นโปรเจ็คที่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากแต่ไม่ค่อยมีกระแสมากนัก โดยออกแบบมาเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์ และ ตลาดเงินที่มีความประชาธิปไตยในตลาดที่กำลังโต Cardano จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, การขยายตัว และ การประมวลผลแอปพลิเคชั่น และ Smart Contract
นักพัฒนาของ Cardano จะหาจุดสมดุลของแพลทฟอร์มที่มีความกระจายศูนย์ และ กฏหมายของแต่ละประเทศ ที่จะไม่ทำร้ายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน หรือ ความสมบูรณ์ของแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์
Cardano จะใช้งานได้ในปี 2020
NEO
NEO และ Onchain’s relation กับรัฐบาลจีนที่เป็นผู้เล่นสำคัญของการพัฒนา NEO
NEO ใช้อัลกอริทึม “delegated Byzantine Fault Tolerance” หรือ dBFT ข้อได้เปรียบหลักของวิธีการนี้คือป้องกันการแยกตัวของระบบ และ การที่จะเปิดโอกาสให้สามารถ fork ได้ นอกจากนี้ NEO มี 2-เลเยอร์ (Trinity) เป็น โซลูชั่นในการสเกล ที่สามารถรองรับ 10,000 ธุรกรรมต่อวินาที และ ป้องกันควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้
แต่ประเด็นที่สำคัญกว่า คือ รัฐบาลจีน
NEO เป็นระบบรวมศูนย์โดย Onchain โดย Onchain จะทำหน้าที่ดูแลจนกว่าระบบของ NEO จะเสถียรพอ การทำงานร่วมกันระหว่าง Onchain และ รัฐบาลจีนและบริษัทต่าง ๆ จะทำให้มีการใช้งาน NEO มากขึ้น
VeChain
VeChain ทำให้ผู้ผลิต, ซัพพลายเออร์ และ ลูกค้า สามารถเก็บ, จัดการ และ แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าได้โดยการจัดการsupply chain โดย Vechain Thor Mainnet
VeChain มีพาร์เนอร์มากมายที่ใช้เทคโนโลยี อย่าง PwC Hong Kong จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริการของพวกเขา ในเดือนมกราคม 2018 DNV GL ประกาศร่วมมือกับ VeChain โดยต้องการจะพัฒนาแพลตฟอร์มบล๊อกเชนร่วมกันเพื่อติดตามอาหารและเครื่อมดื่ม และ ตรวจสอบอุตสาหกรรมแฟชั่น, ค้าปลีก, ยานยนต์ และ การบิน
Shanghai eGrid Consulting Co.,Ltd เป็นบริษัทซอฟท์แวณืโซลูชั่นในธุรกิจยานยนต์ ที่จะทำงานกับ VeChait Thor เพื่อทำงานร่วมกับระบบ ERP, SCM และ CRM นอกจากนี้ Lingang International Manufacturing Exhibition Trading Center ก็ประกาศร่วมมือกับ VeChain Thor
ในมุมมองของพวกเรา Vechain Thor จะเป็นผู้นำของ supply chain management ในปี 2020
OmiseGo
OmiseGo เป็นเหมือนเครือข่ายของช่องทางธุรกรรมแบบกระจายศูนย์ หรือ เว็บแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์โดยสกุลเงินคริปโตและสกุลเงินทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนได้
โดยกระทรวจดิจิตอลของประเทศไทย และ Omise เซ็น MOU ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ที่ทั้งสององค์กรจะพัฒนาช่องทางการจ่ายเงินแบบออนไลน์ร่วมกัน และ ระบบการยืนยันตัวตนโดยใช้เทคโนโลยีของ OmiseGo นี่จะทำให้ประเทสไทยเป็นประเทศแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล๊อกเชนกับประชาชนของตัวเอง OMG เป็นสกุลเงินแบบ open source ที่จะใช้ในประเทศ
จากการรายงานในช่วงเดือนเมษายน 2018 การพัฒนา plasma ที่จะแก้ปัญหาการขยายตัวเพื่อ Ethereum Blockchain เป็นมีความคืบหน้าอย่างมากมาย ทำให้เทคโนโลยีจะปล่อยอกมาในปี 2018
OmiseGo และ Ethereum Blockchain อาจจะประมวลผลได้มากกว่า 1 ล้านธุรกรรมต่อวินาที
Monero
ในมุมมองของพวกเรา เหรียญที่มีความเป็นส่วนตัวเป็น 10 ท๊อปเหรียญของปี 2020 เหรียญที่มีความเป็นส่วนตัวจะมี use case ที่เฉพาะเจาะจง ทำให้จะมีการเติบโตในอนาคตอันใกล้
Monero ปล่อยออกมาในปี 2014 และจากนั้นก็มีความเสถียรและความมั่นคงมากขึ้น XMR สามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยและไม่ระบุตัวตน เนื่องจากมีทีมพัฒนาที่แข็งแรง Monero จะเป็นหนึ่งใน 10 ของเหรียญอันดับต้น ในความคิดของผม
อ้างอิง