Wednesday, October 22, 2025
Home Blog Page 27

WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin

0
Wordpress Migration

WP Migration Plugin เป็นปลั๊กอินที่ใช้สำหรับสำรองข้อมูลและนำไปรีสโตร์ได้ง่ายมาก ๆ โดยมีให้ใช้งานสองเวอร์ชั่นคือฟรีและเสียเงิน คุณสมบัติการใช้งานรวม ๆ ในเวอร์ชั่นฟรีนั้นก็ให้มาครบครัน แต่มีข้อจำกัดที่เห็นได้ชัด ๆ ก็เรื่องของขนาดไฟล์ที่ให้ขนาดใหญ่สุดแค่ 512MB เท่านั้น ถ้าเว็บไหนที่มีรูปเยอะ ๆ ก็หมดสิทธิ์ที่จะนำไปรีสโตร์เลย ถ้าใครมีงบหน่อยก็ซื้อแบบเสียเงินมาใช้งานก็จะตัดข้อจำกัดตรงนี้ทิ้งไปได้

แต่ถ้าใครที่เบี้ยน้อยหอยน้อย เราก็มีวิธีแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ ไม่ผิดกฎการใช้งานมาฝากด้วยนะ

ข้อควรทราบ
วิธีการแก้ไขต่อไปนี้ทดสอบที่เวอร์ชั่น 6.77  ถ้าหากว่าใช้เวอร์ชั่นใหม่กว่านี้ยังไม่สามารถใช้ได้นาจา … สามารถโหลดเวอร์ชั่น 6.77 ได้ที่นี่

วิธีการปลดล๊อค Upload Limit All in one WordPress Migration

1. Uninstall All in one WP Migration ที่มีอยู่ทั้งหมด

2. ติดตั้ง All in one WP Migration เวอร์ชั่น 6.77

3. Activate Plugin

WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin

4. แก้ไขไฟล์  constants.php (ตัวอย่างนี้จะใช้วิธีแก้ไขไฟล์จากหลังบ้านเวิร์ดเพรส)

WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin

เลือกแก้ไขไฟล์ชื่อ constants.php

WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin

// =================
// = Max File Size =
// =================
define( ‘AI1WM_MAX_FILE_SIZE’, 536870912 * 20 );

WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin

5. ทดสอบ

WordPress : เพิ่มขนาดไฟล์ลิมิต WP Migration Plugin

เพิ่มเติม

– จากตัวอย่างเราเพิ่มขนาดไฟล์เป็น 10GB ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผมว่ามันก็เหลือเฟือมาก ๆ แต่ถ้ายังไม่เพียงพอ สามารถเพิ่มเติมได้ จากตัวอย่างนี้ จะเพิ่มเป็น 30GB

// =================
// = Max File Size =
// =================
define( ‘AI1WM_MAX_FILE_SIZE’, 536870912 * 60 );

– ถ้าหากใครที่ไม่ถนัดแก้ไขจากหลังบ้าน สามารถดาวน์โหลดไฟล์ constants.php มาแก้ไขด้วย editor ต่าง ๆ ที่ถนัด แล้วก็อัพโหลดไปเก็บไว้ที่เดิมได้ โดยไฟล์จะอยู่ที่ /wp-content/plugins/all-in-one-wp-migration/constants.php


ภาพประกอบจาก : https://www.onepagezen.com/all-in-one-wp-migration-unlimited-extension-free/

5 ประเทศยักษ์ใหญ่ที่ใช้มีสถิติการซื้อขายบิตคอยน์มากที่สุดในโลก

0
ฺบิทคอยน์ คอนเซ็บต์

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มีนักการเมืองหัวก้าวหน้าคนหนึ่งที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศสวิตเซอแลนด์และได้มีพูดถึงความนิยมและความก้าวหน้าของระบบเงินคริปโตที่นั่นและยังเปรย ๆ อีกว่าอยากให้ประเทศไทยได้ลองหันมาสนใจกับการใช้คริปโตให้มากขึ้นในอนาคต แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมว่าไม่เฉพาะสวิตเซอแลนด์เท่านั้นนะที่มีการใช้เงินคริปโตกันอย่างแพร่หลาย ประเทศที่พัฒนาแล้วหลาย ๆ ประเทศก็เช่นกัน วันนี้เราจะลองมาดูว่า 5 อันดับแรกของประเทศมหาอำนาจที่มีสถิติการซื้อขายเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างบิตคอยน์มีที่ใดบ้าง

Where Curiosity Meets Creativity

อันดับที่ 1 สหรัฐอเมริกา

เป็นที่รู้กันว่าอเมริกาเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวพันกับการใช้เงินคริปโต ไม่ว่าจะตลาดหุ้น การซื้อขายกองทุน เป็นแหล่งรวมของสิ่งอำนวยความสะดวกในการขุดคริปโตหรือโปรเจคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบล็อกเชน จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมอเมริกาถึงนอนมาเป็นอันดับที่หนึ่ง นอกจากนี้ชาวอเมริกันยังนิยมใช้เงินคริปโตโดยเฉพาะบิตคอยน์ในการซื้อของหรือเล่นเกมออนไลน์ ยกตัวอย่าง เช่น คาสิโนออนไลน์ที่มีให้เลือกมากมาย ส่วนในบ้านเราก็ต้องขอแนะนำ rb88 เพราะเว็บนี้ดีที่สุดจริงๆ

อันดับที่ 2 จีน

ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจีนจะออกตัวว่าไม่สนับสนุนสกุลเงินคริปโตมากนัก แต่จากตรวจสอบสถิติการซื้อขายโดยเฉพาะบิตคอยน์นั้น จีนมาเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียวถ้าเทียบกับสถิติรายวันเรียกว่าถึงทางรัฐบาลจะออกมาออกตัวไม่สนับสนุน แต่ชาวจีนก็ดูจะให้ความสนใจกับเงินคริปโตอย่างมาก

อันดับที่ 3 ญี่ปุ่น

ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่รองรับการชำระเงินโดยเงินคริปโตอย่างถูกกฎหมาย จึงมีสถิติการทำธุรกรรมที่ใช้เงินคริปโตเป็นจำนวนที่สูงมากทั้งในและนอกประเทศ

อันดับที่ 4 เกาหลีใต้

เป็นอีกประเทศหนึ่งในเอเชียที่ให้ความสนใจในเงินคริปโตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบิตคอยน์โดยน่าจะมาจากที่ทางการจีนออกตัวค่อนข้างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการซื้อขายเงินคริปโตมากนัก นักลงทุนจึงเบนเข็มไปที่แดนโสมขาวแทน

อันดับที่ 5 สวิตเซอร์แลนด์

ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเมืองที่มีธนาคารและสถาบันการเงินที่ทันสมัย และตอนนี้ทางรัฐบาลก็ได้แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดแล้วว่าต้องการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตและบล็อคเชนโดยธนาคารมากมายได้เปิดรับการฝากเงินคริปโตและชาวสวิสก็ให้ความสนใจกันอย่างมาก


จากรายชื่อด้านบน จะเห็นว่าอนาคตของเงินคริปโตก็ค่อนข้างจะสดใสทีเดียว เพราะประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ต่างให้ความสนใจกับการลงทุนอย่างดี
และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนบ้านเราก็คงต้องมาลุ้นกันว่าเมื่อไหร่ทางรัฐจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มตัว

Passive Income หาได้ง่ายๆ โดยใช้แอพพลิเคชั่นเป็นตัวช่วย

0
AIR BNB

วันนี้เราจะมาพูดถึงการหารายได้ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในช่วงสองปีที่ผ่านมาอย่างวิธี  Passive Income ซึ่งเราคิดว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับคำนี้ดีแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ เราจะขออนุญาตแนะนำคร่าว ๆ กันสักหน่อยนะ

AIR BNB

Passive Income คือรายได้ที่สามารถหาได้จากเครื่องมือและสิ่งที่ทำงานต่างๆอยู่แล้วรอบตัวเราอยุ่แล้ว โดยที่เราไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติม เพราะสิ่งนั้นจะหาเงินเข้ามาได้ด้วยการทำงานของมันเอง และถ้าเราศึกษาและวางแผนให้ดีก่อนที่จะลงมือ รับรองว่าคุณสามารถมีรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว

ในยุคสมัยนี้ ผู้ที่สนใจการหารายได้แบบ  Passive Income  จะสามารถทำผ่านเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างแอปพลิเคชั่น แต่แอพพลิเคชั่นก็มีมากมายหลายตัว วันนี้เราจะขอแนะนำว่ามีแอพอะไรบ้างที่เราจะนำมาใช้ได้ในชีวิตจริง

AIR BNB

Airbnb (แอร์บีแอนด์บี)  แอพนี้เป็นแอพสำหรับผู้ที่มีที่อยู่อาศัยมากกว่าหนึ่งแห่ง ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด อพาร์ทเม้นท์ ที่คุณสามารถเปิดให้บริการเช่าสำหรับนักท่องเที่ยวแบบชั่วคราว ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณมีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเวลา2-3 สัปดาห์ คุณอาจจะลองเปิดบ้านของคุณให้นักท่องเที่ยวมาพักและเก็บค่าเช่าดดยราคาไม่สูงมาก ข้อได้เปรียบของ แอร์บีแอนด์บี คือ ราคาที่อาจจะต่ำกว่าโรงแรม หรือสถานที่เปิดเช่าให้ความรู้สึกสะดวกสบายเหมือนกับผู้เช่าอยู่ที่บ้านของตัวเอง โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอพนี้ฟรี และลงประกาศให้เช่าบ้านหรือที่พักอาศัยที่คุณต้องการได้ทันที

Shopback

Shopback (ช้อปแบ็ค) แอพนี้เป็นแอพที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบการช้อปปิ้ง โดยคุณสามารถรับเงินโบนัสได้จากรางวัลพิเศษที่ทางเว็บตั้งไว้ เช่น โบนัสสมัครสมาชิกผ่านพาร์ทเนอร์, โบนัส ช้อปเพริ์ค จากการช้อปครั้งแรก หรือโบนัสเพื่อนชวนเพื่อน ซึ่งเมื่อคุณชวนเพื่อนเข้ามาซื้อของจากทางเว็บ คุณจะได้โบนัสเงินสดเข้าบัญชีของคุณทันที อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะเตือนสำหรับการหา Passive Income จากวิธีนี้คือ คุณต้องศึกษากฎและเงื่อนไขการรับโบนัสต่าง ๆ ให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบ

Wordpress

WordPress (เวิร์ดเพรส) การเขียนบล็อกก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ เพราะนอกจากได้รับรายได้แล้ว คุณยังได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเขียนบทความหรือทำเว็บไซต์ในหัวข้อต่าง ๆ ที่คุณรู้หรือสนใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบล็อกการทำอาหารไทย บล็อกการออกกำลังกาย ซึ่ง แอพ เวริ์ดเพรส นั้นมีจุดเด่นคือใช้ง่ายและไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ


นี่ก็เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของแอพที่จะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มรายได้แบบ Passive Income ของคุณ  ยังมีอีกหลายแอพไม่ว่าจะเป็นแอพที่คุณสามารถเผยแพร่ความรู้ของคุณผ่านวิดีโอการเรียนการสอนอย่าง Udemy (อูเดมี่)หรือว่าจะเป็นแอพกลุ่ม Affiliate ต่างๆที่คุณสามารถหารายได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากการขายของหรือบริการ โดยการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ โดยไอเดียของ Affiliate นั้นมีมานานแล้ว โดยเฉพาะกับเว็บไซต์เดิมพันต่างๆ เช่นเว็บ empire777 ซึ่งเป็นเว็บที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากนักเดิมพันทั่วโลก ก็มีโปรแกรม Affiliate เช่นกัน

เอาละเมื่อตอนนี้คุณได้รับความรู้เพิ่มขึ้นอีกนิดเกี่ยวกับ Passive Income ทำไมไม่ลองนำสิ่งต่างๆรอบตัว,ความรู้หรือทักษะต่างๆที่คุณมีอยู่แล้วมาเพิ่มรายได้ของคุณกันละ ไม่แน่นะคุณจะประสบความสำเร็จมากกว่าที่คุณคิดก็ได้


บทความโฆษณา เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ กาเหว่าดอทคอม

การขยาย Harddisk ใน Ubuntu

0
ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

ขั้นตอนการขยาย Harddisk บน Linux นั้นขั้นตอนการทำค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อย ยิ่งถ้าไม่ถนัด Command Line ด้วยแล้ว โอกาสพลาดมีสูงแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องทำก็มีทางออกและวิธีการทำให้ โดยตัวอย่างนี้จะเป็น Ubuntu 16.04 จากเดิมมี Harddisk อยู่ที่ 50GB ต้องการเพิ่มเป็น 100GB

ขั้นตอนการขยาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

เตรียมความพร้อม

  • ก่อนเริ่มให้ดาวน์โหลด Ubuntu Live CD หรือ Gparted Live CD ก่อน
  • เมื่อได้ไฟล์มาแล้วให้ทำเป็นแผ่นด้วย CD หรือ USB ก็ได้แล้วแต่สะดวก

เริ่มดำเนินการขาย Harddisk

บูต Server ด้วย Live CD ที่ดาวน์โหลดมา

เมื่อบูตเสร็จแล้วให้เปิดใช้งานโปรแกรม Gparted ตัวอย่างนี้ใช้ Live CD ของ Ubuntu เลยต้องเปิดโปรแกรม Gparted อีกที แต่ถ้าใครที่บูตด้วย Gparted ก็จะเข้าโปรแกรมทันที

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

ให้ลบ Partition : Swap ทิ้งไปก่อนเพราะมันจะเป็นติ่งอยู่ตรงกลางทำให้ไม่สามารถขยาย harddisk ได้ โดยการคลิกขวาแล้วเลือก Swapoff

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

หลังจาก Swapoff ให้คลิกขวาอีกที ทีนี้เลือก Delete

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

พอ Partition Swap หายไปแล้วให้คลิกขวาที่ Partition แรก แล้วเลือกเมนู Resize/Move

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

ขยายขนาด Harddisk ตามที่ต้องการแต่อย่าลืมเผื่อเนื้อที่ไว้สำหรับ Swap Partition ด้วย จากตัวอย่างผมจะกำหนด Swap Partition เท่ากับขนาดของ Memory คือ 4GB แล้วใช้พื้นที่ที่เหลือขยายออกไปทั้งหมด เมื่อกำหนดค่าเสร็จแล้วก็กดปุ่ม Resize/Move

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

เมื่อได้ขนาด Partition หลักแล้วจะเหลือพื้นที่สีเทาทางขวาสุดที่เราเว้นไว้สำหรับ Swap Partition ให้คลิกขวาแล้วเลือก New

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

ตรงช่อง Create as: ให้เลือกเป็น Extened Partition ก่อน เสร็จแล้วกดปุ่ม Add

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

เมื่อมาที่หน้าหลักจะเห็นว่าสีเทาก่อนหน้าจะมีขอบสีฟ้าอยู่ ให้คลิกขวาที่สีเทาตรงกลางอีกที แล้วเลือก New, เมื่อเข้าหน้าจอ New Partition ตรงช่อง Create as: ให้เลือกเป็น Logical Partition ส่วน File system: เลือกเป็น Linux-swap เมื่อเลือกทุกอย่างเสร็จแล้วกด Add

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

การกำหนดค่าของพาร์ติชั่นพร้อมแล้ว ให้กดปุ่ม Apply ที่ Toolbar ด้านบน

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

เมื่อโปรแกรมเตือนก็กด Apply อีกที

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

รอให้ Gparted ทำงานจนเสร็จ แล้วรีสตาร์ทเครื่องใช้งานได้ปกติ

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

เมื่อบูตเครื่องเสร็จแล้วเข้าไปตรวจสอบขนาด Partition ใหม่อีกครั้ง

ขั้นตอนการขาย Harddisk ใน Ubuntu ด้วย Gparted

ก็เป็นทางเลือกอีกทางสำหรับคนที่ไม่ถนัด Command Line นะครับ

การใช้งาน MDM บน Office 365

0

ฟังก์ชั่น Mobile Device Management ที่อยู่ในออฟฟิศ 365 เป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์พอสมควร สามารถตั้งค่าควบคุมการใช้งานบรรดาอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ อาทิ Tablet, Smartphone โดยกำหนดกฎเกณฑ์ในการใช้งานต่าง ๆ ได้ อย่างเช่น รหัสผ่านในการเชื่อมต่อ Bluetooth, ไม่อนุญาติให้ Smartphone ที่มีการ Jailbreak หรือ root ใช้งาน, สั่งลบข้อมูลทิ้งทั้งหมดหากอุปกรณ์สูญหาย เป็นต้น

ทำความรู้จักเกี่ยวกับฟังก์ชั่น Mobile Device Management เพิ่มเติมได้จากวีดีโอข้างล่างนี้

https://www.youtube.com/watch?v=J36h6ayUDvo

จากเดิมฟังก์ชั่นนี้จะมีเมนูอยู่ใน Office 365 admin แต่หลังจากได้มีการอัพเกรดรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา ไมโครซอฟต์ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Intune ซึ่งการเปิดใช้งานนั้นจำเป็นต้องมีขั้นตอนเพิ่มขึ้น โดยสามารถทำตามได้ตามคู่มือในนี้เลย

ขั้นตอนที่ 1 : การเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Mobile Device Management

เปิดใช้งาน Mobile Device Management Service โดยเปิด Browser ที่ลิงค์นี้ : https://portal.office.com/EAdmin/Device/IntuneInventory.aspx

เมื่อเข้ามาที่หน้า Setup ให้กดที่ลิงค์ Lets get started > หลังจากนั้นก็รอให้ระบบเปิดใช้งาน ซึ่งกินเวลาค่อนข้างนาน แนะนำให้ทำทิ้งไว้วันนึงเลย

การเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Mobile Device Management

ระหว่างที่รอการเปิดใช้งานหน้าจอจะขึ้นสถานะดังภาพด้านล่างนี้ หน้านี้สามารถปิดไปได้ระหว่างรอ

การเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Mobile Device Management

เมื่อเปิดใช้งานเสร็จแล้วกดเข้ามาที่ url เดิมอีกครั้งสถานะจะเปลี่ยนไป โดยจะมีให้คลิกแค่ Manage devices ให้คลิกเท่านั้น

การเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Mobile Device Management

เมื่อคลิกที่ลิงค์ Manage devices ระบบจะวิ่งไปที่หน้าบริหารจัดการ Mobile Device แต่จากรูปจะเห็นว่ายังไม่มีข้อมูลอะไรขึ้น เพราะยังไม่ได้ใช้งานฟังก์ชั่นนี้อย่างเต็มรูปแบบ

การเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Mobile Device Management

หรือถ้าหากว่าหาลิงค์นี้ไม่เจอนั้นสามารถเข้าใช้งานได้อีกทางหนึ่งคือ ไปที่ Security & Compliance + Data loss prevention + Device management ก็จะวิ่งไปหน้าจอเดียวกัน

หมายเหตุ : เมนู Device management จะมีให้เลือกหลังจากเปิดฟังก์ชั่น Mobile Device Management แล้ว

ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบ DNS และตั้งค่า Certificate รองรับ IOS

ตรวจสอบการตั้งค่า DNS ก่อนว่าเพิ่ม Record ที่จำเป็นทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

ตรวจสอบ DNS และตั้งค่า Certificate รองรับ IOS

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

หมายเหตุ : ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการสร้าง Certificate สำหรับ iOS นั้น ต้องเตรียม Apple ID ไว้ให้พร้อมด้วยนะครับ แนะนำให้สร้าง ID ใหม่สำหรับใช้ในองค์กรเลย

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

ที่หน้าจอ Apple Push Notification Certificate Settings คลิก I agree แล้วกด Next

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

ดาวน์โหลด CSR File เก็บเอาไว้ เพื่อใช้ในขั้นตอนการออก Certificate กับเว็บ Apple เสร็จแล้วกด Next

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

คลิกไปที่ลิงค์ Apple APNs Portal

Apple APNs Portal

เข้าสู่ระบบของ Apple ด้วย Apple ID ที่เตรียมไว้ก่อนหน้า

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

คลิกที่ปุ่ม Create a Certificate

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

เลือก I have read and agree to these terms and condition เสร็จแล้วกดที่ปุ่ม Accept

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

นำ CSR มาวางที่ Notes หรือกด Browse เลือก File CSR ที่เซฟไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ เสร็จแล้วกดปุ่ม Upload

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

ดาวน์โหลด Certificate เก็บไว้เพื่อนำกลับไปใช้งานกับ Office 365

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

กลับมาที่หน้าจอ APNs ของ Office 365 ให้ใส่ Apple ID, เลือก Certificate ที่สร้างจาก Apple แล้วกด Upload เมื่อเรียบร้อยแล้วกดปุ่ม Finish

สร้าง APNs Certificate เพื่อรองรับการใช้งาน IOS

เสร็จสิ้นขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับ IOS

ขั้นตอนที่ 3 : การกำหนด MDM Policy

ที่หน้าจอ Device actions ให้คลิกที่ลิงค์ Device policies เพื่อเริ่มเข้าสู่หน้าจอบริหารจัดการ Policy

การกำหนด MDM Policy

เมื่อเข้ามาแล้วให้คลิกที่ +Create a policy

การกำหนด MDM Policy

ตั้งชื่อ Policy ที่ต้องการ จากตัวอย่างเป็น “MDM Policy” เสร็จแล้วกด Next

การกำหนด MDM Policy

กำหนดค่าต่าง ๆ ที่ต้องการโดยในตัวอย่างนี้ผมไม่ได้กำหนดอะไรเลย เอาตามค่าเริ่มต้นที่ Microsoft ให้มา นั่นคือไม่อนุญาติให้ Device ที่ทำการ Jail break หรือ root ใช้งาน เสร็จแล้วกด Next

การกำหนด MDM Policy

ตั้งค่า Policy อื่น ๆ เพิ่มเติมตามที่ต้องการ หากไม่ตั้งอะไรเพิ่มกด Next

การกำหนด MDM Policy

หน้าจอสุดท้ายให้เลือกว่าต้องการสั่ง Apply Policy นี้ไปที่ Device ที่มีอยู่เลยรึเปล่า ให้เลือกตัวเลือกที่ต้องการแล้วกดปุ่ม Next

Deploy MDM Policy

รีวิว Policy สุดท้ายอีกครั้งหากถูกต้องแล้ว กดที่ปุ่ม Create this policy.

การกำหนด MDM Policy

ขั้นตอนที่ 4 : การตั้งค่า MDM บน Android

ดาวน์โหลด Application ชื่อ Intune Company Portal จาก Play store ก่อนเริ่มใช้งาน

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้เปิดแอพพลิเคชั่น Company Portal เพื่อเริ่มขั้นตอนติดตั้ง ซึ่งไม่ได้มีความยากอะไรมากนัก หน้าจอจะขึ้นให้ Login ก็ใช้อีเมล์ของเราที่มี และกดขั้นตอนต่อไปเรื่อย ๆ จนเสร็จ หรือดูตัวอย่างได้จากวีดีโอข้างล่างนี้

สำหรับการติดตั้ง Intune Company Portal บน IOS ก็ไม่ต่างกับ Android เลยนะครับ ก่อนจะใช้งานก็ให้ดาวน์โหลด Application จาก Apple Store ซะก่อน ที่เหลือก็เปิดใช้งานแล้วก็ทำตามขั้นตอนเดียวกันเป้ะ


อ้างอิงบทความ

ข้อแตกต่างระหว่าง Passive Income และ Active Income

0
group of money

จะว่าไปแล้ว Passive Income และ Active Income ในแง่ของการปฏิบัตินั้นไม่แตกต่าง แต่ถ้าเราพูดถึงแนวคิดในการหารายได้ขึ้นมาแล้วไซร้ ทั้งสองตัวนี้จะมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าการกระทำบางอย่างของสองอย่างนี้จะเหมือนกันเป้ะ ๆ แต่ดำเนินการโดยคนละคน ก็จะเกิดความแตกต่างในเรื่องนิยามของมันทันที เพราะบางครั้ง Passive Income ของคนหนึ่ง แต่ของอีกคนกลับเป็น Active Income ซะงั้น … งงอ่ะดิ!!

นิยามของ Active Income

Active Income เป็นรายได้ที่จะได้รับโดยเราต้องทำงาน เช่น เงินเดือน, ค่าคอมมิชชั่น, รายได้จากการขายของ เป็นต้น เมื่อไหร่ที่เราหยุดทำงานก็จะไม่มีรายรับ หรือที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าทำงานแลกเงินนั่นเอง

Income

ถ้าว่าด้วยเรื่องของเงินเดือนแล้ว ถึงแม้ว่าใครที่สร้าง Active Income โดยได้รับเงินเดือนสูง ๆ แต่ถ้าหากไม่มีการวางแผนการเงินและอนาคตให้ดีแล้ว อนาคตเงินเหล่านั้นก็หมดไปได้เช่นกัน เมื่อเรามี Active Income อยู่ในระดับที่มั่นคงแล้ว ควรวางแผนออมเงินและนำเงินบางส่วนมาทำให้ออกดอกออกผล เช่น การลงทุนในกองทุน หรือ หุ้นต่าง ๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะสร้าง Passive Income ควบคู่ไปด้วยกัน

นิยามของ Passive Income 

เมื่อเราทราบความหมายของ Active Income ไปแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำความเข้าใจกับ Passive Income เพราะความหมายของมันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง มันคือรายได้ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินทำงานแทนเรานั่นเอง แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่ามันเป็นการหารายได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย บางเรื่องเรายังคงต้องทำและดูแลเอง เพียงแต่ใช้เวลาไม่มากเท่ากับ Active Income

อ่านเพิ่มเติม : Passive Income คืออะไร 

เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง Active Income และ Passive Income

Active Income Passive Income
ต้องทำงานเพื่อให้มีรายได้ ใช้เงินหรือทรัพย์สินทำงานแทน
เมื่อหยุดทำงานก็ขาดรายได้ มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
ได้รับผลตอบแทนทันที บางอย่างต้องใช้เวลา และความอดทนในการทำถึงจะเห็นผลลัพท์

 

รายได้แบบไหนดีกว่ากัน

เป็นคำถามที่ตอบยากจริง ๆ เพราะมันไม่มีอันไหนดีกว่ากันเลย บางคนทำงานแบบ Active Income อาจจะเป็นเจ้าของกิจการเล็ก ๆ แต่กลับมารายได้มหาศาลสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไปได้ตลอดชีวิต ซึ่งแบบนี้พูดกันตรง ๆ ก็คือถ้าไม่คิดอะไรมากก็ไม่ต้องหาลู่ทางสร้าง Passive Income ให้เหนื่อยเลย

แต่ถ้าเราเป็นคนธรรมดาทั่วไป เป็นมนุษย์เงินเดือนต๊อกต๋อย ใช้เงินแบบชักหน้าแทบจะไม่ถึงหลังในแต่ละเดือนแล้วล่ะก็ แนะนำเป็นอย่างมากเลยพยายามหาทางสร้างรายได้เสริมให้มากกว่า 1 ทาง ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยหรือไม่เป็น Passive Income สักทีก็อย่าหยุดในการหาลู่ทางใหม่ ๆ มันต้องมีสักทางที่เป็นช่องทางหลักในการสร้างรายได้ให้เราได้อย่างยั่งยืน

อ่านเพิ่มเติม : ไอเดียในการสร้าง Passive Income

สรุป
กล่าวโดยสรุปก็คือ การทำงานแบบ Active Income ต้องใช้แรงแลกรายได้มา ส่วน Passive Income เป็นการให้เงินหรือทรัพย์สินทำงานสร้างรายได้ให้เราเอง เพื่อความมั่นคงควรมีรายรับทั้งสองแบบควบคู่กันไป 

  • บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ กาเหว่าดอทคอม สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องอ้างอิงและใส่ลิงค์กลับมาที่บทความต้นฉบับทุกครั้ง
  • ภาพประกอบบทความ : www.freepik.com

ไม่พยายามก็ไม่มี Passive Income

0
ไม่พยายามก็ไม่มี Passive Income

ข้อดีของ Passive Income คือ เราสามารถใช้เงินทำงานแทนเวลาและตัวของเรา เป็นเรื่องที่ทุก ๆ คนอยากมี อยากได้ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็จะมีรายได้อยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่เป็นที่สนใจของเกือบทุกคนทั้งมนุษย์เงินเดือนและผู้ประกอบอาชีพอิสระ เพราะหลายลู่ทางที่สร้าง Passive Income ใช้เงินลงทุนน้อยหรือบางอย่างก็สร้างรายได้จากสิ่งที่เรามีอยู่ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินต่าง ๆ และก็มีไม่น้อยที่ใช้อินเตอร์เน็ตและมันสมองในการสร้างรายได้แบบ Passive Income

ไม่พยายามก็ไม่มี Passive Income

อ่านเพิ่มเติม : Passive Income คืออะไร

การสร้าง Passive Income

ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเพียงลู่ทางบางส่วนที่สามารถสร้าง Passive Income ได้เสมอ ๆ แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ไม่ได้รับประกันความสำเร็จว่าจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำทุกช่องทาง ทุกเป้าหมายและความสำเร็จย่อมเกิดจากความพยายามเป็นหลัก ถ้าหากเราพยายามอย่างหนึ่งแล้วไม่สำเร็จ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวก็ควรหยุดเรื่องราวความพยายามเหล่านั้น แล้วก็เริ่มต้นเรื่องราวใหม่ ๆ จะดีกว่า

การขายหรือให้เช่าในทรัพย์สิน

หากใครที่พอจะมีทรัพย์สินอยู่ในมืออยู่บ้าง ทั้งทรัพย์สินขนาดใหญ่ เช่น บ้าน, ที่ดิน, คอนโด หรือ แม้แต่ห้องว่างภายในบ้านเราเอง ก็นำมาเปลี่ยนเป็น รายได้เสริม โดยไม่ต้องทำงานได้เหมือนกันถ้าบริหารจัดการให้ดี ซึ่งการจะได้มาซึ่งรายได้ต่อเนื่องนั้นก็คือนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาปล่อยเช่า เมื่อจัดการไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็จ้างพนักงานมาดูแลจัดการทรัพย์สินส่วนนี้ต่อ เพียงเท่านี้  Active Income เดิมของเรา ก็จะผันตัวเองเป็น Passive Income ในทันที และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของทรัพย์สินจำพวกอสังหาริมทรัพย์ก็คือ ผลตอบแทนจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้นตามกลไกเศรษฐศาสตร์ ไม่อิงความรู้สึกใด ๆ

ลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ  

การลงทุนแบบนี้อย่าสับสนกันระหว่างการลงทุนในหุ้นนะครับ แต่ว่าที่กำลังพูดถึงนี้คือ การนำเงินไปลงทุนในธุรกิจอะไรก็ได้ โดยเราเป็นคนลงเงินทุนเอง แล้วแต่อัตราส่วนที่เราสามารถลงทุนไหว ที่เหลือก็ให้เจ้าของกิจการเหล่านั้นบริหารจัดการเองทั้งหมด โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะได้ผลตอบแทน คือ ผลกำไรจากธุรกิจตามอัตราส่วนเงินลงทุน และส่วนแบ่งที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ความเสี่ยงของการสร้างรายได้แบบนี้ คือ ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ และตัวเจ้าของกิจการเอง วิธีการเช่นนี้ผมถือว่าค่อนข้างเสี่ยงพอสมควรเลย เพราะหาหลักประกันใด ๆ ไม่ได้ นอกจากเงินทุนแล้วก็ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันสูงเลยทีเดียว

ลงทุนในหุ้น และ กองทุน

ถ้าหากว่าไม่ชอบความเสี่ยงสูง ๆ สักเท่าไหร่ ทางเลือกในการลงทุนกับหุ้นและกองทุนต่าง ๆ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและเสี่ยงน้อยลงเยอะ แถมเป็นวิธีการหารายได้ที่ยอมรับกันทุกทั่วระแหงในโลกใบนี้ การหารายได้ด้วยวิธีนี้ไม่ต่างจากการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ สักเท่าไหร่ หากแต่ต่างกันตรงที่วิธีการในการลงทุน ที่เราจะต้องนำเงินทุนที่มีไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยการเลือกซื้อหุ้นธุรกิจต่าง ๆ ที่เราสนใจ แล้วก็ให้กลุ่มผู้บริหารของธุรกิจนั้น ๆ ดำเนินธุรกิจต่อไปเหมือนเดิม โดยที่ไม่จำเป็นต้องรู้เลยว่ามีใครที่ถือหุ้นในธุรกิจเหล่านั้นบ้าง แล้วก็เช่นกันรายได้จากการลงทุนก็คือผลตอบแทนจากธุรกิจตามอัตราส่วนของหุ้นที่ได้ซื้อเอาไว้

ในส่วนของกองทุนจะมีข้อแตกต่างอีกเล็กน้อยจากหุ้น การซื้อกองทุนหรือลงทุนในกองทุนต่าง ๆ คือ การที่เรานำเงินไปให้มืออาชีพทางด้านการลงทุนเอาไว้ โดยส่วนมากก็จะเป็นธนาคารหรือโบรคเกอร์ต่าง ๆ แล้วกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะนำเงินของเราไปลงทุนในหุ้น และกระจายความเสี่ยงให้เรามากที่สุด ผลตอบแทนของการลงทุนแบบนี้ก็จะได้น้อยกว่าการลงทุนในหุ้นเองบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเรามีความรู้ไม่มากพอในการอ่านกราฟหุ้น หรือรายละเอียดเชิงลึกอะไรมากมาย กองทุนรวมถือว่าเป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุดและได้ผลตอบแทนมากที่สุดแล้ว

สร้างเว็บไซต์หรือบล๊อค 

สำหรับผมชอบการหารายได้ด้วยวิธีนี้มาก เป็นเพราะจบโดยตรงทางด้านไอทีและชื่อชอบการสร้างเว็บไซต์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในอดีตย้อนหลังไปสักช่วงเริ่มต้นปี ค.ศ. 2000 นั้น การสร้างเว็บไซต์ถือว่าเป็นอะไรที่ยังเป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ ในอินเตอร์เน็ตยุคดอทคอมก็กำลังเกิดในตอนนั้น หลายเว็บไซต์ได้สร้างชื่อขึ้นมาในช่วงเวลาดังกล่าว กูเกิ้ลเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวโลก ใครที่ทำเว็บไซต์ได้ในช่วงนั้นก็จะได้อานิสงส์ไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเว็บไซต์คู่แข่งมีน้อย กูเกิ้ลก็ยังไม่มีกฎอะไรมากมายนัก พอค้นหาอะไรก็เจอแทบจะทุกเรื่อง

สร้างเว็บไซต์เพื่อหารายได้

มาถึงทุกวันนี้ (ปี 2019) การสร้างเว็บไซต์กลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย มีเว็บไซต์สำเร็จรูปให้ใช้งานมากมาย ไม่ต้องมีความรู้อะไรทางด้านไอทีเลยก็สามารถที่จะสร้างเว็บขึ้นมาได้เพียงไม่กี่นาที แต่สิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักกลับยากขึ้น เว็บไซต์ที่เกิดขึ้นใหม่ก็ล้มหายตายจากไปในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นการสร้างเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งในที่นี่หมายถึงเว็บไซต์ทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ขายของนะครับ … สิ่งที่ยากในช่วงแรก ๆ ก็คือ ความถึกในการสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จัก เรื่องราวต่าง ๆ ในเว็บเราต้องเป็นที่สนใจของผู้เข้าชม และต้องขยันอัพเดตให้ข้อมูลในเว็บไซต์สดใหม่อยู่เสมอ เมื่อเราสามารถผ่านช่วง Active เหล่านี้ไปได้


สรุป 

เมื่อเราสามารถสร้าง รายได้เสริม แบบ Passive Income จนถึงจุดที่เราพอใจแล้ว อย่าหยุดที่จะมองหาลู่ทางอื่น ๆ ในการสร้างรายได้ต่อไป อย่ายึดติดอยู่กับธุรกิจหรือช่องทางหารายได้เพียงช่องทางเดียว พึงระลึกไว้เสมอนะครับว่า ทุกสิ่งมันไม่แน่นอน มีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ให้กระจายความเสี่ยงโดยการหารายได้จากธุรกิจชนิดอื่นไปด้วย หากบางอย่างน่าสนใจแต่เราไม่มีความรู้ ความสามารถพอเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องจ้างมืออาชีพในการดำเนินงานให้เรา ถึงแม้จะมีต้นทุนบ้างในบางอย่าง แต่ก็ให้ประเมินและเปรียบเทียบถึงผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา ถึงแม้จะได้น้อยลงแต่มันก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่า ไม่จำเป็นที่ต้องทุ่มเวลาและมันสมองทั้งหมดที่เรามี

ความสำเร็จคือผลลัพท์อันหอมหวานของผู้พยายาม
อย่าลืมนะครับว่า Passive Income นั้นมันฟังดูหอมหวาน เย้ายวนเสียเหลือเกิน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่าย ๆ เราจำเป็นต้องให้ใจ ให้ความสำคัญ และ พยายามทุกขั้นตอนในช่วงแรก ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ หากว่าไม่มีความอดทนพอ Passive Income ที่เราหวังไว้ อิสระทางการเงินและเวลาก็ไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้

  • บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ กาเหว่าดอทคอม สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องอ้างอิงและใส่ลิงค์กลับมาที่บทความต้นฉบับทุกครั้ง
  • ภาพประกอบบทความ : www.freepik.com

อนาคตเงินคริปโต และความเป็นไปได้ในชีวิตประจำวัน

0
อนาคตของคริปโตเคอเรนซี่

การถือกำเนิดของเงินคริปโตนั้นเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณช่วงปี ค.ศ. 2008 โดยช่วงปีนั้นยังเป็นช่วงที่เรียกว่ากำลังตั้งไข่ ถือกำเนิดขึ้นโดยบุคคลนิรนาม ชื่อว่า ซาโตชิ (หรือบางคนคาดเดากันว่า เป็นกลุ่มคนที่ตั้งขึ้นมา) ซาโตชิได้เริ่มแจกจ่าย White Paper เกี่ยวกับบล๊อคเชน และ บิทคอยน์ จนถึงราว ๆ ปี ค.ศ. 2011 ก็เริ่มเห็นบิทคอยน์มีการกระจายออกสู่โลกอินเตอร์เน็ต กลุ่มคนเล็ก ๆ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอที และนักพัฒนาเริ่มที่จะมีการใช้บิทคอยน์เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าและบริการ หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมีเว็บไซต์สำหรับแลกเปลี่ยนเงินจริงกับเงินคริปโต

เงินคริปโตในประเทศไทย

ในส่วนของประเทศไทยนั้น เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายแก่บุคคลทั่วไปราว ๆ ปี ค.ศ. 2017 เนื่องจากอัตราการเติบโตของราคาบิทคอยน์ในแบบที่แรกว่า ก้าวกระโดดยังคงน้อยไป เพราะมันกระโดดไปแตะที่ประมาณ 700,000 บาทต่อ 1 บิทคอยน์ เมื่อเห็นราคาเช่นนี้แล้ว จึงกลายเป็นเรื่องที่ล่อตาล่อใจคนที่อยากรวยทางลัดกันอย่างมาก ทำให้ตั้งแต่ช่วงปีนั้นเป็นต้นมา จะเห็นคนไทยหลายคนที่ตื่นตัวกับการหาเงินด้วยบิทคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ ทั้งการทำเหมืองขุด ซื้อขายแลกเปลี่ยน เก็งกำไร เป็นต้น .. ซึ่งมีกูรูจริง และกูรูปลอมมากมายเกิดขึ้นมาให้เราได้เห็น มีหลายคนที่ร่ำรวยแบบไม่รู้ตัวด้วยบิทคอยน์ และก็มีแมงเม่าหลายคนเหมือนกันที่เจ๊งไปแบบไม่มีกระบวนท่าเช่นกัน

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ช่วงเวลาปัจจุบันนี้มันจะต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์ในอนาคตอันใกล้ไม่นาน โดยจะต้องมีการจารึกเกี่ยวกับเงินตราชนิดใหม่เรียกว่า เงินคริปโต ในประวัติศาสตร์เราจะต้องเห็นข้อถกเถียงที่ไม่สามารถหาข้อสรุปกันมากมายอย่างแน่นอน อาทิ เช่น บิทคอยน์ตอนนั้นเป็นแชร์ลูกโซ่ เงินคริปโตเป็นฟองสบู่ เงินคริปโตจะเอาไปใช้ที่ดาวอังคาร เป็นต้น

อนาคตของเงินคริปโต

บิทคอยน์ และการลงทุนในบิทคอยน์

นอกจากนี้แล้วเงินคริปโตในอนาคตนั้นน่าจะเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยน สินค้า กันทั่วโลกได้อย่างไม่ยาก การจะซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องโอนเงิน หรือใช้บัตรเครดิตในการชำระเงินอีกต่อไป หากแต่ช่องทางหลักคือเงินคริปโต .. แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงเว็บไซต์สำหรับซื้อขายสินค้าเท่านั้น แม้แต่ Social Network อันดับ 1 ของโลกอย่าง Facebook เองก็มีกระแสข่าวออกมาเรื่อย ๆ ว่ามีการซุ่มพัฒนาเงินคริปโตของตัวเอง หรืออยู่ในช่วงพิจารณาในการนำบิทคอยน์มาใช้สำหรับซื้อ ขาย บริการต่าง ๆ ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มเหล่านั้น ก็ฝากถึงคุณมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ไว้ด้วยครับว่าอย่ามาเป็นกระแสอย่างเดียวแล้วหายไป เชื่อว่าทางคุณมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กเองถ้าจะลงมาเล่นวงการคริปโตด้วยแล้ว คงจะสะเทือนแล้วก็เห็นความเปลี่ยนแปลงในวงการนี้พอสมควรเหมือนกัน

เมื่อพูดถึงคุณมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กแล้ว ก็ยังมีอีกเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Facebook ของพี่มาร์คอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือการจะเปิดฟีเจอร์หาคู่ออนไลน์บนเฟซบุ๊ค ในเมืองไทยนั้นถึงแม้ว่าจะมองเรื่องการหาคู่ออนไลน์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัว แต่ถ้ามองในระดับนานาประเทศเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ปกติมากเลยทีเดียว เว็บหาคู่หลาย ๆ เว็บ รวมทั้งแอพพลิเคชั่นหาคู่หลาย ๆ ตัวนั้น หากเราลองค้นหาสถิติผู้ใช้งาน เราจะเห็นว่ามีจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อเลยแหละ และบรรดาผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเหล่าก็ประสบพบเจอความรัก เจอรักแท้ที่นี่ และก็ลงเอยด้วยการสร้างครอบครัวไปหลายคู่เลยทีเดียวแหละ


  • บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ กาเหว่าดอทคอม สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องอ้างอิงและใส่ลิงค์กลับมาที่บทความต้นฉบับทุกครั้ง
  • ภาพประกอบบทความ : www.freepik.com

ระวังกับดักของ “Passive Income”

0
Passive Income จำเป็นต้องค่อย ๆ เติบโตเหมือนการปลูกต้นไม้

นิยามของคำว่า Passive Income ต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นอะไรที่น่าถูกใจ น่าโดน น่าตำเป็นอย่างมาก อะไรก็ดูดีไปหมด มีที่ไหนกันล่ะ อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ก็ได้เงิน เป็นใครใครก็รัก ไม่ผิดเลยครับที่ใครจะคิดแบบนั้น หลายคนได้อ่านหรือได้รู้จัก Passive Income ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้น ๆ เมื่อได้ก้าวเข้ามารู้จักกับมันแล้วก็เริ่มมีฝัน มีแนวคิด มีโปรเจคส์หลายอย่างที่อยากจะทำขึ้นมาให้มันกลายเป็น Passive Income กาลเป็นแมงเม่าจำนวนไม่น้อยที่บินเข้ากองไฟและโดนชักจูงไปร่วมงานในทางที่แปลก ๆ แต่สิ่งที่เจอมากที่สุดก็มักจะชวนลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ที่มีการสร้างภาพฝันที่ใหญ่โต ให้เหยื่อติดกับได้โดยง่าย สุดท้ายแล้วก็คือการหลอกเอาเงินไปลงทุนหลังจากนั้นก็หาลูกทีมเข้ามาร่วมธุรกิจเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่งที่มีความอิ่มตัว ธุรกิจแบบนี้ก็จะปิดตัวลงไป ถึงตอนนั้นหลายคนเพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนหลอกซะแล้ว ความฝันในการสร้าง Passive Income ด้วยลู่ทางนี้ก็ล่มสลายไปในพริบตา

แยกให้ออกระหว่าง “เป้าหมาย” และ “เพ้อฝัน”

การมีเป้าหมายและมีความฝันอยากรวยไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่สิ่งที่ผิดคือ “เพ้อฝัน” ในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ “เพ้อฝัน” มากเกินไปจนขาดสติ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ จนกลายเป็นเหยื่อของ “Passive Income” เราควรจะมีความฝันอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและหลักการที่เป็นไปได้สมเหตุสมผลเพียงพอ ผมขอยกตัวอย่างเกษตรกรให้เห็นชัด ๆ เพราะน่าจะใกล้ตัวและใกล้เคียงคำว่า Passive Income ด้วยเหมือนกัน … การทำไร่ทำสวนของชาวเกษตรกรสักที่ ไม่ใช่ว่าวันนี้อยากปลูกอะไร ก็ไปปลูกแล้ววันถัดมาก็สามารถเก็บเกี่ยวได้เลย แต่มันจำเป็นต้องเริ่มจากต้นกล้าเล็ก ๆ คอยดูแลประคบประหงม ใส่ปุ๋ย พรวจดิน อยู่ตลอดเวลาถึงจะโตพอที่จะเก็บเกี่ยวสร้างรายรับขึ้นมาได้

Passive Income จำเป็นต้องค่อย ๆ เติบโตเหมือนการปลูกต้นไม้

Passive Income ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะมักจะเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยที่เปรียบเสมือนต้นกล้าเล็ก ๆ ที่เติบโตไปเรื่อย ๆ ทีละนิด จนกลายเป็นไม้ใหญ่ที่คงทนและยั่งยืน

เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติ เราก็จะเข้าใจ “Passive Income” ด้วยเหมือนกัน

ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งผ่านหูเข้ามา แต่ก็จำไม่ได้ว่าได้ยินว่าจากไหนโดยจับใจความได้ว่า “ถ้าเราอยากจะเข้าใจอะไร ให้ลองมองธรรมชาติดูสิ” ในตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าผู้พูดต้องการจะสื่ออะไร ธรรมชาติมันเกี่ยวอะไรกับการที่ผมอยากหาเงิน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเองก็เริ่มรู้จัก Passive Income มากขึ้น เจ็บตัวจากการโดนหลอกมาก็เยอะ แล้วอยู่ ๆ วันนึงก็เข้าใจความหมายของประโยคนี้ขึ้นมาเอง แต่ก็จำไม่ได้ว่าคนที่พูดคือใครแล้วผมไปได้ยินมาจากไหน

เมื่อพูดถึงธรรมชาติกับ Passive Income เราสามารถเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนมาก นั่นคือ ต้นไม้ที่เราต่างก็รู้กันตั้งแต่วัยเยาว์ว่าจะคายความร้อนกลับสู่บรรยากาศแล้วก็ถือเป็นการส่งไอน้ำกลับขึ้นชั้นบรรยากาศด้วย เมื่อไอน้ำขึ้นไปควบแน่นกันได้ระยะเวลาหนึ่งก็จะตกกลับลงมาเป็นสายฝนหล่อเลี้ยงต้นไม้เหล่านั้นต่อไป ซึ่งสายฝนเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนกับ Passive Income ที่จะได้รับกลับมา

Passive Income นั้นมันช่างหอมหวานซะเหลือเกิน แต่ไม่ใช่ว่าธุรกิจในทุกประเภทจะสามารถสร้างรายได้ให้เราได้อย่างมั่นคง ถาวร และยั่งยืนตลอดไป มันมักจะมีกับดักอยู่เสมอเพื่อหลอกล่อบรรดานักสร้างเป้าหมายรายใหม่เข้าไปในวัฏจักร บางคนรอดออกมาก็อาจจะสตรองจนเจาะไม่เข้า แต่บางคนก็เละตุ้มเป้ะ หมดเนื้อหมดตัวไปเลยก็มีให้เห็นอยู่ร่ำไป

ตัวอย่างกับดักของ Passive Income

ที่ชัดเจนมาก ๆ ก็คือ การลงทุนเก็งกำไรไปตามกระแสเพียงชั่วครู่เพื่อให้ได้ผลตอบแทนกลับมามาก ๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เช่น การปั่นหุ้น, เก็งกำไรหุ้น, แชร์ลูกโซ่ เป็นต้น หรือบางทีก็อาจจะเป็นการขายสินค้าตามกระแสในแต่ละช่วงเวลา อย่างหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 ที่ขาดตลาดอย่างหนักในช่วงภาวะฝุ่นควันของประเทศไทยเรา จากเดิมเราจะเห็นยี่ห้อหลักอย่าง 3M แต่ในช่วงนั้นมียี่ห้อสารพัดผุดขึ้นมาจนจำไม่ได้ แต่ละยี่ห้อก็อวดอ้างสรรพคุณว่าตัวเองสามารถกันฝุ่น PM2.5 ได้แน่นอน บ้างก็ราคาพุ่งขึ้นไปเท่าตัว … ตรงนี้เองแหละที่เป็น กับดักของ Passive Income สำหรับคนที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วน พอเห็นคนอื่น ๆ กำลังรับเงินจากตรงนี้เป็นกอบเป็นกำ ก็อยากได้บ้าง เอาเงินมาลงทุนตูมเดียวกับสินค้าเหล่านี้ หวังว่าจะรวยแน่นอน .. แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อสินค้าพร้อมขายแล้ว ภาวะฝุ่นควันก็สงบลงพอดี ความต้องการของตลาดก็ไม่มีเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว … ติดกับดักอย่างจัง พังพาบลงไปแทบจะตั้งตัวไม่ทัน

ตัวอย่าง Passive Income ที่แท้จริง

ดอกเบี้ยเงินฝาก

แทบจะทุกคนมี Passive Income อยู่แล้ว ถ้าหากว่ามีบัญชีธนาคารอยู่เพราะเมื่อถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งเราก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยกลับเข้าบัญชีธนาคารที่มี ซึ่งตรงนี้ผมขอไม่พูดถึงจำนวนที่ได้รับคืนนะครับ เพราะจะมากจะน้อยนั้น วิธีการที่ได้มามันก็คือ Passive Income และเป็นการตอกย้ำให้ชัดเจนอีกครั้งว่า Passive Income ต้องมีการทำอะไรก่อนถึงจะได้รับกลับมา จากตัวอย่างนี้เราจะได้รับดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อเรามีเงินไปฝากไว้กับธนาคารเท่านั้น

การซื้อหาที่ดิน บ้าน คอนโด และ อสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ

อสังหาริมทรัพย์ อีกหนึ่ง Passive Income ที่ยั่งยืน

ถ้ามีเงินทุนมากหน่อย การซื้อหาที่ดิน บ้าน คอนโด เพื่อนำมาต่อยอดสร้าง Passive Income ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อได้มาแล้วนำไปสร้างรายรับได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะถือไว้เก็งกำไร ปล่อยเช่าก็สามารถสร้างรายได้กลับมาได้อย่างต่อเนื่อง แถมอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ก็มีแนวโน้มราคาที่สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะมีช่วงที่ตกต่ำกันบ้างก็เถอะ

ทองคำ

ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ทองคำ” เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดความมั่งคั่งได้ถึงระดับประเทศเลยทีเดียว รู้มั้ยครับว่าเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ สุ่มสี่สุ่มห้า รัฐบาลจะพิมพ์เงินออกมาได้เลย แต่การจะพิมพ์ออกมาแต่ละครั้งจำเป็นต้องมีทองคำเป็นตัวค้ำประกันมูลค่าของเงินเหล่านั้นก่อน ด้วยเหตุนี้เองนี่แหละทำให้เงินกระดาษที่เราใช้กันอยู่มีมูลค่าน่าเชื่อถือขึ้นมา

สมมุตว่าเกิดสงครามอะไรสักอย่าง เมื่อถึงวันนั้นเงินสดที่เรามีอยู่จะหมดมูลค่าไปในทันที แต่สิ่งที่จะมีมูลค่าอยู่เสมอแถมจะพุ่งขึ้นแรงด้วยในสภาวะแบบนั้นก็คือ “ทองคำ”


สรุป

อยากมีรายได้อยู่เสมอโดยไม่ต้องทำอะไรนั้น เปรียบเสมือนเป็นเรื่อง “เพ้อฝัน” แต่เรื่องเพ้อฝันบางเรื่องเป็นจริงก็มี เพื่อไม่ให้เจ็บปวดกับสิ่งเพ้อฝันเกินไป ก็ต้องเข้าใจและแยกให้ออกระหว่าง เป้าหมาย กับ เพ้อฝัน .. เมื่อมีเป้าหมายว่าอยากมีกลไกอะไรสักอย่างที่ผลิตรายรับให้เราได้เสมอ ถึงแม้วันนึงเราเป็นอะไรไปแล้วก็ยังคงมีรายรับอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่ากว่าจะมีรายได้แบบ Passive นั้น ต้อง Active ลงมือทำทีละนิดทีละหน่อย จนเติบโตกลายเป็น Passive ในที่สุด


  • บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ กาเหว่าดอทคอม สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องอ้างอิงและใส่ลิงค์กลับมาที่บทความต้นฉบับทุกครั้ง
  • ภาพประกอบบทความ : www.freepik.com

5 ไอเดียสร้าง Passive Income ในปี 2019

1
Passive Income

เทคนิคในการหารายได้แบบ Passive Income ของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามยุคสมัย ตัวผมเองก็เหมือนกันครับ ในช่วงปี 2017-2018 ผมเองก็เน้นไปที่การหารายได้แบบ Passive Income ด้วยเงินคริปโต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเหรียญคริปโต การขุดเหรียญคริปโต เป็นต้น แต่เมื่อมันเกิดภาวะเงินเฟ้อของเงินคริปโตก็ทำให้หลายประเทศมีมาตรการออกมาควบคุม บ้างก็แบน บ้างก็ออกกฎหมายให้ถูกกฎหมาย ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งกว่าจะตบสิ่งเหล่านี้ให้เข้าที่เข้าทางทั้งหมด ระหว่างนี้ก็ทำให้เกิดการชะลอตัวในการลงทุนของวงการนี้ นักลงทุนรายใหญ่ก็เหมือนกับจะรอดูแนวทางที่ชัดเจนของแต่ละประเทศ มูลค่าที่เคยสูงลิบลิ่วก็ดิ่งลงเหวแทบจะรับมือกันไม่ทัน

รายได้เสริมแบบ Passive Income

ในระหว่างที่มูลค่าของเงินคริปโตอยู่ในช่วงตกต่ำนั้น การจะหารายได้ทางนี้เป็นหลักก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่สู้ดีนัก ดังนั้นวันนี้เลยอยากจะมาแนะนำแนวทางในการหา Passive Income ในปี 2019 นี้กันครับ

Passive Income คืออะไร

ความหมายของ Passive Income นั้นผมเคยเขียนไปแบบละเอียดยิบแล้วในเว็บไซต์นี้น่ะแหละ ดังนั้นในบทความนี้จึงจะบอกแบบกระชับก็พอ หากต้องการอ่านความหมายแบบละเอียดคลิกอ่านที่ลิงค์นี้ : Passive Income คืออะไร

Passive Income คือ รายได้ที่เราได้รับตลอดเวลาโดยที่เราไม่ต้องเอาแรงไปแลกเพื่อให้ได้เงินมา เช่น ค่าเช่า, ค่าลิขสิทธิ์ เป็นต้น ทั้งนี้ Passive Income ของบางคน อาจจะเป็น Active Income ของคนอื่นก็ได้

วิธีการในการหารายได้ให้กลายเป็น Passive Income เรื่องของทฤษฎีสามารถสรุปได้ 3 ทางหลัก ๆ คือ

  1. ลงเงิน
  2. ลงแรง
  3. ใช้สิ่งที่มีอยู่

ไอเดียสำหรับสร้าง Passive Income ในปี 2019

1. หารายได้จากสิ่งที่มีอยู่แล้ว

ลองมองหาสิ่งของรอบ ๆ ตัวดูครับ บางสิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเราหลายอย่าง เราอาจจะนึกไม่ถึงเลยก็ได้ว่ามันสามารถเอามาประยุกต์ เล่นแร่แปรธาตุนิดหน่อยให้เป็นเครื่องมือในการหาเงินให้เราได้ เช่น บัตรเครดิต

ผมเป็นคนที่ถือบัตรเครดิตไว้เหมือนกัน โดยมักจะเลือกใช้บัตรประเภทที่มี Cash Back เมื่อผมใช้งานในแต่ละเดือน ก็จะจ่ายทั้งหมด นอกจากจะไม่เสียดอกเบี้ยในการใช้บัตรแล้ว ผมยังได้วงเงินคืนกลับมาในแต่ละเดือนด้วยนะ

2. ฝากเงินบัญชีเงินฝากประจำ หรือ บัญชีอื่น ๆ ที่ผลตอบแทนสูง

อันนี้ง่ายมาก ก็แทนที่เราจะฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา ๆ ที่ได้ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ลองเปลี่ยนมาฝากเป็นบัญชีประเภท ฝากประจำดอกเบี้ยสูงแทน ถึงดอกเบี้ยจะไม่เยอะมาก แต่ถ้าเรามีแผนออมเงินอยู่สม่ำเสมออยู่แล้ว ก็เอาไปฝากอันที่ได้ผลตอบแทนเยอะ มันย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

3. ปล่อยห้องว่างให้เช่า

ที่บ้านคุณผู้อ่านมีห้องนอนว่างมั้ยครับ อย่าปล่อยให้มันว่างเฉย ๆ เอามาเปลี่ยนเป็นเงินกันดีกว่า ติดต่อลงประกาศห้องว่างของเราใน AirBNB ให้เป็นสื่อกลางในการกระจายให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าเรามีห้องว่างให้เช่านะ .. เชื่อมั้ยล่ะ บางเดือนได้เงินค่าขนมขำ ๆ ครึ่งหมื่นเชียวนะ

4. บล๊อคเกอร์

อาชีพบล๊อคเกอร์มีจริงนะครับ (มีบางคนไม่รู้จัก) ถ้าตีความง่ายา ๆ อาชีพนักเขียนไดอารี่นั่นเองแหละ แต่เปลี่ยนจากการเขียนไดอารี่ในสมุด แล้วเก็บไว้อ่านคนเดียว ก็เอามาเขียนลงในเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ค หรือช่องทางอื่น ๆ แทน บางเรื่องเราเขียนเอาไว้ขำ ๆ อยากบ่น อยากเล่า อยากโชว์พาว แต่ก็เจอหลายคนที่เรื่องเล่น ๆ พวกนี้ กลายเป็นเรื่องจริงจังให้คนอื่นติดตามชีวิตเรา เมื่อเรามีจำนวนผู้ติดตามหรืออ่านเรื่องของเราเยอะ ๆ ขึ้น เราก็สามารถที่จะหารายได้จากอาชีพนี้ได้ เช่น รับจ้างเขียนบทความ, ลงโฆษณาในบล๊อคของเรา เป็นต้น

5. เขียนบทความ

การรับจ้างเขียนบทความนั้น เป็นอาชีพที่สามารถทำได้เรื่อย ๆ ถึงแม้จะก้ำกึ่งบ้างว่าตกลงเป็น Active หรือ Passive กันแน่ แต่สำหรับผมแล้วผมนับเป็น Passive Income เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับผมคือ เริ่มจากการเป็นบล๊อคเกอร์ก่อน ในตอนนั้นก็เหมือนเขียนไดอารี่น่ะแหละครับ พอเวลาผ่านไปก็มีคนเข้ามาอ่านบทความเหล่านั้นมากขึ้น เมื่อมากขึ้นแล้วนอกจากผมจะสามารถลงโฆษณาในบล๊อคผมได้แล้ว ก็มาต่อยอดโดยการ รับงานเขียนเสริมจากงานประจำได้อีกด้วย

Passive Income


สรุป

ไอเดียที่บอกไปทั้งหมดนั้น ถึงบางอย่างอาจจะดูเหมือนว่ามันเป็นเงินเพียงน้อยนิดแค่หลักร้อย หลักพัน ทำไปทำไมเสียเวลา ยังงัยก็ไม่รวยสักที … มีคนคิดแบบนี้จริง ๆ นะครับ แต่อย่าเพิ่งดูแคลนเงินจำนวนเล็กน้อยหลักสิบ หลักร้อยนะ เพราะยังงัยมันก็คือเงิน คนรวยหลาย ๆ คนในอดีตก็กัดก้อนเกลือกินกัน กว่าจะรวยได้ก็เริ่มจากเงินไม่กี่สิบบาท ไม่กี่ร้อยเหมือนกัน … บางคนเริ่มจากติดลบก็มี ใช้เพียงแรงกายที่มีอยู่ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับ ไม่แน่นะครับอนาคตที่เราไม่รู้ อาจจะมีชื่อเราอยู่ในโผมหาเศรษฐีระดับโลกก็ได้ … ใครจะไปรู้ล่ะ


บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ กาเหว่าดอทคอม สามารถนำไปเผยแพร่ต่อไป โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มา และใส่ลิงค์กลับมาที่บทความต้นฉบับทุกครั้ง

อ้างอิงภาพ Intro : Business vector created by dooder – www.freepik.com

การใช้งาน Chrome Remote Desktop

0
ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Plugins

ผมทำงานทางด้านไอทีและมีความจำเป็นที่ต้องคอยดูแลคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ ๆ ซึ่งสไตล์การซัพพอร์ตก็มักจะใช้วิธีรีโมทไปแก้ไขให้ผู้ใช้งานจากระยะไกล เพราะสามารถประหยัดเวลาได้เยอะ และที่ชอบมาก ๆ ก็คือเราสามารถรีโมทเครื่องใครจากที่ไหนในโลกก็ได้ขอเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น

ในอดีตนั้นผมจะใช้ซอฟต์แวร์ชื่อ Teamviewer เพราะใช้งานง่ายและฟรีอีกต่างหาก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปมีคนใช้งานจำนวนมากซอฟต์แวร์ตัวนี้ก็เริ่มมีข้อจำกัดในเรื่องของต้นทุนเยอะขึ้น เช่น ใช้ไปสิบห้านาทีแล้วตัดออกแล้วก็ต้องรอไปอีกสักพักหนึ่งถึงจะรีโมทต่อได้ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผมเริ่มมองหาซอฟต์แวร์ตัวอื่น ๆ เป็นตัวเลือกหนึ่งในนั้นที่ชอบมากก็คือ Chrome Remote Desktop Plugins ด้วยสาเหตุหลักเลยก็คือ ฟรี … ส่วนขั้นตอนการใช้งานมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Plugins

ถ้าเราใช้งาน Google Chrome อยู่แล้วผมแนะนำให้ติดตั้งตัว Chrome Remote Desktop Plugins ก่อน โดยคลิกไปที่ลิงค์นี้ https://chrome.google.com/webstore/category/extensions?utm_source=chrome-ntp-icon เสร็จแล้วค้นหาคำว่า Chrome Remote Desktop หลังจากนั้นก็ทำการติดตั้ง Extension ตัวนี้ลงไป เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้กด เปิดแอป เพื่อเริ่มใช้งาน

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Plugins

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Host

ฟังก์ชั่นแรกที่จะแนะนำการใช้งานก็คือ “Remote Support” ซึ่งเป็นการอนุญาติให้ปลายทางสามารถรีโมทมาใช้งานเครื่องเราได้ การตั้งค่าตรงนี้ก็ทำได้ทั้งแบบถาวรและชั่วคราวเลยครับ

1. กดที่เมนู “Remote Support” แล้วกดที่ “Accept & Install” เพื่อเริ่มติดตั้ง Agent ก่อน ถ้าเราไม่ติดตั้งตัวนี้ปลายทางจะไม่สามารถรีโมทมาที่เครื่องเราได้

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Host

2. Save file install เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็ให้ติดตั้งโปรแกรมที่ดาวน์โหลดมา ในส่วนขั้นตอนการติดตั้งไม่ยากขึ้นอะไรก็ให้กด Next ไปเรื่อย ๆ จนเสร็จขั้นตอน

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Host

3. เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วที่หน้าจอก่อนหน้าที่เปิดค้างไว้ จะขึ้นบอกเราว่าเราจำเป็นต้องสร้าง ID ก่อน เพื่อให้ปลายทางใช้ ID ตัวนี้ในการรีโมทมาหาเรา ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ นั้น ID ตัวนี้ก็เหมือนที่อยู่บ้านนั่นแหละครับ … กด “Got IT”

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Host

กด Generate Code

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Host

4. เมื่อกด Generate เสร็จแล้วจะได้รหัสที่เป็นตัวเลขซึ่งรหัสนี้เราก็เอาไปให้ปลายทางใช้งาน ซึ่งรหัสนี้จะใช้ได้เพียงแค่ห้านาทีเท่านั้นนะครับ หากต้องการรีโมทครั้งต่อ ๆ ไป ก็ต้องมา Generate ID ตรงนี้ใหม่

ติดตั้ง Chrome Remote Desktop Host

การตั้งค่า Unattended Remote Desktop

ขั้นตอนก่อนหน้านี้เราตั้งค่าให้ปลายทางรีโมทมาหาเราได้แบบชั่วคราว แต่ถ้าเราจะกำหนดไว้ถาวรเลยก็ได้ รหัสในการรีโมทก็จะไม่เปลี่ยน

1. ที่หน้าจอ Remote Access ให้มองหา This devices และในกรอบให้กดที่ลูกศรชี้ลงล่าง

การตั้งค่า Unattended Remote Desktop

2. กำหนดชื่อเครื่อง สามารถกำหนดเป็นอะไรก็ได้ เอาที่เราเข้าใจ

การตั้งค่า Unattended Remote Desktop

3. กำหนดรหัสผ่านที่จะเข้าใช้งานเป็นตัวเลขอย่างน้อย 6 ตัว เสร็จแล้วกดปุ่ม Start

การตั้งค่า Unattended Remote Desktop

การใช้งาน

1. กดเลือกเครื่องที่เราต้องการใช้งาน จากตัวอย่างเครื่องผมชื่อ BITG

การตั้งค่า Unattended Remote Desktop

เมื่อกดไปแล้วก็ให้ใส่ PIN ของแต่ละเครื่องที่เราตั้งไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรีโมทเครื่องปลายทางได้แล้ว ส่วนเมนูด้านซ้ายที่ขึ้นมาก็สามารถกดซ่อนไปได้หากรู้สึกว่าเกะกะ

การใช้งาน Google Chrome Remote Desktop

สรุป

ก็ใช้งานค่อนข้างง่ายนะครับสำหรับ Google Remote Desktop ถึงแม้บางทีผมรู้สึกว่ามันขัด ๆ ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ชินกับเมนู และหน้าตาของโปรแกรมสักเท่าไหร่ แต่ก็เรียนรู้ได้ง่ายมาก อีกอย่างที่ค่อนข้างมั่นใจก็เพราะว่าเป็นซอฟต์แวร์จาก Google ซึ่งก็มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว คงเห็นการพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวนี้กันเรื่อย ๆ … ที่สำคัญคือสามารถใช้งานได้ฟรี ไม่ต้องเสียเงินหลายหมื่นเพื่อซื้อลิขสิทธิ์มาใช้งานกัน

การตั้งค่า 301 Permanent Redirect

0

นักพัฒนาเว็บไซต์ หรือเจ้าของเว็บไซต์หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหานี้กันบ้าง นั่นคือมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ ซึ่งถ้าจะแค่เปลี่ยนเฉย ๆ และเอาข้อมูลย้ายมานั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากมากนัก แต่สิ่งที่ยากก็คือ “ข้อมูลที่ Google ได้ Index เอาไว้ก่อนหน้า” เราไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นที่ Google ได้

แต่ทางออกก็ไม่ได้ยากเย็นเกินแก้ มันมีวิธีที่เรียกว่า 301 Permanent redirect ซึ่งเป็นการบอกให้ google และ Search Engine อื่น ๆ รู้ว่าเว็บไซต์เราได้เปลี่ยนชื่อแล้วนะ ถ้าข้อมูลในเว็บเราเหมือนเดิม เวลามีคนคลิกที่เว็บเดิม บทความเดิม มันก็จะวิ่งเข้ามาที่เว็บใหม่ของเราได้เอง

เช่น

url เดิม : https://olddomain.com/example << เราจะเปลี่ยนเว็บเป็น https://newdomain.com/example บังเอิญว่ามีคนค้นเจอเว็บเดิมใน google เวลาคลิกเข้ามาก็จะวิ่งไปที่เว็บใหม่นั่นเอง

ขั้นตอนการทำ .htaccess 301 redirect

การแก้ปัญหาที่นิยมกันก็คือ เพิ่มคอนฟิคใน .htaccess ให้เตะคนที่เข้ามาเว็บเดิมวิ่งไปที่เว็บใหม่ทั้งหมด การทำแบบอื่น ๆ ก็มีนะครับ แต่วิธีนี้ผมชอบเพราะว่าง่ายดี

1. ไปที่เว็บไซต์ https://www.webconfs.com/seo-tools/htaccess-301-redirect-tool/ เพื่อที่จะ generate .htaccess แบบอัตโนมัติ

2. เลื่อนมาหาหัวข้อ Redirect old domain to new domain และกรอกข้อมูลลงทั้งสองช่อง เสร็จแล้วกด Submit

การสร้าง htaccess อัตโนมัติ เพื่อเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์

3. เสร็จแล้วให้ก๊อปปี้ข้อมูลที่เว็บสร้างขึ้นมาให้ เอาไปใส่ในไฟล์ .htaccess ของเว็บเดิมที่เรามีอยู่ หรือถ้าเว็บนั้นมี .htaccess อยู่แล้วก็เอาไปเพิ่มในไฟล์เดิมที่มี

การสร้าง htaccess อัตโนมัติ เพื่อเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์

ทดสอบใช้งานดูครับ ทีนี้บรรดา Search Engine ก็จะรู้แล้วว่าเว็บเราเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว บรรดาทราฟฟิคต่าง ๆ จากเว็บเดิมก็จะวิ่งมาที่เว็บใหม่ให้เอง ไม่กระทบต่อ Ranking ต่าง ๆ

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

0
ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง Microsoft SQL Server 2017 ตามตัวอย่างนี้จะเป็นการติดตั้งแบบสมบูรณ์ คือ เลือกฟังก์ชั่นในการติดตั้งทั้งหมด จึงทำให้มีขั้นตอนหลายอย่างในการติดตั้ง แต่บางคนที่ติดตั้งไม่ทั้งหมด บางขั้นตอนก็อาจจะไม่เหมือนกับที่แสดงในบทความนี้

1. สามารถดาวน์โหลดตัวติดตั้งโดยตรงจากเว็บไซต์ของ Microsoft จากลิงค์นี้ : https://www.microsoft.com/en-us/sql-server/sql-server-downloads-free-trial โดยตัวอย่างนี้ผมจะติดตั้ง Edition Developer

สำหรับข้อแตกต่างของแต่ละ Edition อ่านเพิ่มเติมได้จากที่นี่ : https://docs.microsoft.com/en-us/sql/sql-server/editions-and-components-of-sql-server-2016?view=sql-server-2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

2. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้คลิกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาเพื่อทำการติดตั้งต่อไป โดยขั้นตอนการติดตั้งจำเป็นต้องมีการต่ออินเตอร์เน็ตไว้ด้วยนะครับ เนื่องจากจะมีการดาวน์โหลดไฟล์ตัวเต็มที่จะต้องใช้งานในระหว่างการติดตั้งด้วย ในตัวอย่างนี้ผมจะติดตั้งแบบ Custom เพราะจะเลือก Component อื่น ๆ ในการติดตั้งและใช้งานเอง

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

3. เนื้อที่ขั้นต่ำที่โปรแกรมต้องการใช้งานอยู่ที่ 9GB (ไม่รวมเนื้อที่ Database ที่จะเพิ่มเติมทีหลังเด้อ) พร้อมแล้วกด Install

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

4. ขั้นตอนการดาวน์โหลดไฟล์นี่จะใช้เวลาในการดาวน์โหลดนานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เน็ต

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

5. ที่หน้าจอ Planning ส่วนมากจะรวมลิงค์เกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ เอาไว้ให้อ่านเพิ่มเติม

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

6. เราจะมาเริ่มกันที่ขั้นตอนการ Installation คลิกที่ “New SQL Server stand-alone installation or add features to an existing installation”
ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

7. ถัดมาเป็นการใส่ Product key แต่นี่เราไม่ใส่ครับ เพราะเราจะใช้เวอร์ชั่นฟรี

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

8. กด Next ยอมรับ License terms

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

9. กด Next อีกทีเพื่อทำขั้นตอนต่อไป, ไม่ต้องติ๊ก “Use Microsoft Update to check for updates” เพราะมันจะเสียเวลาเช็คอีกนาน

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

10. ขั้นตอน Install Rules ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะสามารถกด Next ได้ แต่ถ้ากดไม่ได้ ต้องดูว่ามี Error อะไรและกลับไปแก้ไขตามที่โปรแกรมบอกก่อน

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

11. เลือก Feature ที่ต้องการติดตั้ง

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

12. เมื่อเลือก Feature เสร็จแล้วกด Next เพื่อให้ระบบตรวจสอบความต้องการอื่น ๆ อีกครั้ง ซึ่งก็เช่นเคยถ้าไม่มีอะไรพลาดก็ต้องกด Next ได้

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

13. ตั้งชื่อ Instance ส่วนมาก็เลือกที่ “Default instance”

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

14. ถัดจากนี้จะไม่มีอะไรมาก ส่วนมากกด Next จดเสร็จสิ้นการติดตั้งครับ

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

“Data Directories” จะเป็นขั้นตอนการกำหนด Drive และ Folder ที่เก็บไฟล์ฐานข้อมูลจริง ๆ เอาไว้ ถ้าไม่ได้ตั้งค่าอะไรตรงนี้ก็จะเก็บไว้ที่เดียวกับ Program แต่ส่วนมากแล้วสำหรับผมมักจะเปลี่ยน Data Directories ไปติดตั้งที่ Drive อื่น

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

ขั้นตอนการติดตั้ง MS SQL Server 2017

หลังจากติดตั้ง SQL Server แล้วจะยังไม่พร้อมใช้งาน จำเป็นต้องติดตั้ง SQL Management Studio ก่อน โดยสามารถดูขั้นตอนการติดตั้งต่อไปจากลิงค์นี้ :


ต้นฉบับบทความ

sqlshack.com

การตรวจสอบพื้นที่ใช้งานอีเมล์ Office 365

0
How to check email usage office 365

ขั้นตอนการตรวจสอบว่า Mailbox ของเราใน Office 365 นั้นใช้พื้นที่ไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่ สามารถตรวจสอบได้ตามขั้นตอนดังนี้

1. เข้าสู่ระบบที่ www.office.com

2. เมื่อเข้าสู่ระบบเสร็จแล้วให้คลิกที่รูปเฟือง (อยู่บนขวามือด้านบนของหน้าจอ)

3. มองที่เมนูด้านล่าง ให้คลิกที่ Mail

4. คลิกที่ General + My account 

How to check email usage office 365

ตรง Mailbox Usage จะแสดงพื้นที่ที่ใช้ไปทั้งหมด

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

0
การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

ขั้นตอนการเพิ่มขนาด Harddisk บน Windows 2016 นี้สามารถประยุกต์ได้ทั้ง Windows 7, Windows 10 และ Windows 2012 อาจจะมีแตกต่างกันบ้างในเรื่องของเมนู

1. กด Start แล้วเลือก Server Manager

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

2. เมื่อขึ้นหน้าจอ Server Manager ให้คลิกเมนู Tools แล้วเลือก Computer Management

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

3. ที่หน้าจอ Computer Management ให้มองเมนูในช่องด้านซ้ายแล้วคลิกที่ Disk Management แล้วจะเห็นว่าช่องด้านขวามีเนื้อที่ Harddisk ว่างเป็นสีดำ

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

4. ให้เราคลิกขวา Drive ที่ต้องการเพิ่มขนาด (จากตัวอย่างเป็น Drive C) แล้วเลือกที่เมนู Extend Volume

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

5. กด Next

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

6. หน้าจอถัดมาเลือก Disk ที่เราจะขยาย (บางเครื่องอาจจะมีให้เลือกมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับว่ามี Harddisk กี่ตัว), ให้ใส่ขนาดพื้นทีที่ต้องการขยายในช่องหมายเลข 2 จากตัวอย่างสามารถใส่เพิ่มได้ 102399MB, เสร็จแล้วกดปุ่ม Next

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

7. กดปุ่ม Finish

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

8. ตรวจสอบขนาด Harddisk อีกครั้ง

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน Windows 2016

แก้ไขปัญหาเพิ่มขนาด Virtual Disk ไม่ได้ เพราะขึ้นสีเทา

0
การเพิ่มขนาด Harddisk ใน VM

ปกติ Guest ต่าง ๆ ใน VMWare และ HyperV สามารถที่จะเพิ่มขนาด Harddisk ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการปิดระบบ แต่ในบางทีถ้าไม่สามารถเพิ่มได้ ให้ตรวจสอบดูว่า Guest ดังกล่าวมีการทำ Snapshot ไว้หรือไม่ ให้ทำการลบ Snapshot ทิ้งทั้งหมดก่อน

ขั้นตอนการลบ Snapshot ดูได้จากลิงค์นี้ : https://wp.me/paHo8V-37

ก่อนที่จะทำการลบ Snapshot จะเห็นว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขขนาด Harddisk ได้ตามรูปด้านล่าง

ขั้นตอนการลบ Snapshot ใน VMWare

หลังจากที่ทำการลบ Snapshot ทิ้งไปแล้ว จะแก้ไขขนาด Harddisk ได้

การเพิ่มขนาด Harddisk ใน VM

เมื่อทำการเพิ่ม Harddisk ใน Guest Setting เสร็จแล้วต้องไปทำการเพิ่มขนาดใน OS อีกที ให้เห็นตรงกับจำนวนที่เราเพิ่มเข้าไป