การดูดไขมันเป็นหนึ่งในรูปแบบของการทำศัลยกรรมเพื่อลดความอ้วนและทำให้รูปร่างของผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในปัจจุบันการทำศัลยกรรมดูดไขมันมีความเสี่ยงในการทำลดลงกว่าแต่ก่อนมากอีกทั้งใช้เวลาพักฟื้นไม่นานเหมือนแต่ก่อน จึงทำให้กลายเป็นหนึ่งในวิธีการทำศัลยกรรมอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ และหนุ่ม ๆ ที่อยากมีร่างกายที่ดูดี ดูสวย และกระชับ
ดูดไขมันคืออะไร? และบริการดูดไขมันในส่วนไหนของร่างกายบ้าง
ดูดไขมัน คือ การทำศัลยกรรมรูปร่างเพื่อเป็นการนำไขมันส่วนเกินออกไป เพื่อลดปริมาณของไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายให้มีปริมาณลดลง ทั้งนี้การดูดไขมันก็ต้องทำภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างศัลยแพทย์มืออาชีพ และมีประสบการณ์เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจก่ออันตรายต่อร่างกายของผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมได้

สำหรับบริเวณที่นิยมดูดไขมันก็จะประกอบไปด้วยบริเวณที่ร่างกายมีการสะสมไขมันเอาไว้อยู่เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถลดออกไปได้ง่าย ๆ หรือไม่สามารถลดด้วยกายออกกำลังกายด้วยตัวเองได้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยบริเวณดังต่อไปนี้
- คางหรือเหนียง : ส่วนที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการสะสมไขมัน แก้ไขได้ยาก แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการดูดไขมัน
- หน้าอก : การดูดไขมันทำเพื่อลดส่วนเกิดบริเวณหน้าอกทั้งของผู้ชายและของผู้หญิง ส่วนใหญ่ในผู้หญิงอาจจะพบกับปัญหาเต้านมโตแล้วยังหย่อนคล้อยอีกด้วย ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ทำศัลยกรรมมักจะอยู่ในภาวะเต้านมโตในเพศชายเป็นเหตุให้ต้องทำศัลยกรรม
- หลังคอหรือหนอกหลัง : อยู่บริเวณท้ายทอย เป็นส่วนไขมันที่เกิดขึ้นจากฮอร์โมนหรือยาบางชนิด สามารถทำการรักษาได้ด้วยการดูดไขมัน
- แผ่นหลัง : เป็นการดูดไขมันบริเวณแผ่นหลังที่เราสามารถสัมผัสถึงไขมันบริเวณบราหรือบริเวณที่ใส่เสื้อเกาะอกล้นออกมาทั้งส่วนที่อยู่ข้างใต้และส่วนของรักแร้
- แขน : แนะนำให้ใช้วิธีการ Bodytite เพราะเป็นวิธีการดูดไขมันวิธีเดียวที่จะไม่เหลือรอยแผลเป็นและทำให้แขนดูกระชับมากยิ่งขึ้น
- หน้าท้อง : การดูดไขมันเพื่อลดขนาดหน้าท้อง อาจจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนเนื่องจากหากดูดไขมันไม่ดี ผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมอาจจะเจอกับปัญหาหนังหน้าท้องหย่อยคล้อยและมีลักษณะเป็นริ้ว ๆ
- สะโพก : หากปีกสะโพกใหญ่เกินไป ลดยาก การดูดไขมันสะโพกก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี
- เอว : การดูดไขมันบริเวณเอวเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากมีเอวเอสและสำหรับหนุ่ม ๆ ที่อยากมีซิกซ์แพ็กที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
- ขา : การดูดไขมันต้นขาเพื่อให้ขาที่ใหญ่ลดขนาดลงได้โดยแบ่งการดูดไขมันบริเวณขาออกได้เป็นหลายจุด ดังต่อไปนี้ ขาด้านนอก ขาด้านใน ขาด้านหน้า และขาด้านหลัง
- น่อง : เป็นการแก้ปัญหาน่องโตได้อย่างเห็นผลชะงัด ด้วยการดูดไขมันกระชับกล้ามเนื้อและไขมันน่อง
- หน้า : ดูดไขมันเพื่อลดสัดส่วนของบริเวณกรอบหน้าให้เข้ารูปมากยิ่งขึ้นเท่าที่เป็นไปได้
- ทั้งตัว : เป็นการดูไขมันเพื่อปรับรูปร่างไปหลาย ๆ จุด พร้อม ๆ กัน
วิธีที่ใช้ในการศัลยกรรมการดูดไขมัน
ในปัจจุบันวิธีการดูดไขมันก็มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมมีทางเลือกมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้วิธีการดูดไขมันในปัจจุบันก็จะมีทั้งหมด วิธีด้วยกันซึ่งแบ่งตามชื่ออุปกรณ์ที่ใช้ทำศัลยกรรม เช่น การดูดไขมัน Bodytite การดูดไขมัน VASER การดูดไขมัน Bodyjet และอื่น ๆ อีกเป็นต้น
การดูดไขมันเจ็บหรือไม่?
เนื่องจากการดูดไขมันในปัจจุบันค่อนข้างก้าวหน้าขึ้น ดังนั้นจึงมีการนำยาชาเข้ามาผสมในน้ำเกลือเพื่อฉีดให้กับคนไข้เพื่อลดความเจ็บปวด ถึงแม้ในอดีตจะมีการใช้ยาสลบแต่ก็พบว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้างอันตรายมากกว่า การใช้ยาชาจะช่วยลดอาการแทรกซ้อนและผลการรักษาดีขึ้นกว่าเดิมมาก อีกทั้งแผลที่ได้ก็ยังทั้งมีรอยช้ำน้อยลง ทำให้ผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมเจ็บน้อยลง ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลให้เสียเวลาอีกด้วย
การดูดไขมันช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือ?
การดูดไขมันคือการทำศัลยกรรมเพื่อเอาส่วนที่ไม่จำเป็นหรือเป็นส่วนเกิดของร่างกายออกซึ่งส่วนนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าไขมันส่วนเกินนั่นเอง ทั้งนี้การดูดไขมันเป็นวิธีที่ไม่ได้ช่วยในการลดน้ำหนักโดยตรงแต่เป็นวิธีการช่วยกระชับสัดส่วน และรูปร่างของผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมเพื่อให้เป็นไปในรูปทรงที่เป็นที่ต้องการ เช่น ในผู้หญิงก็อาจอยากดูดไขมันให้รูปร่างผอมเพรียว มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในขณะที่หากเป็นการดูดไขมันในผู้ชายก็อาจจะทำเพื่อให้สามารถมองเห็นซิกซ์แพ็กได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าการดูดไขมันเป็นแค่วิธีการส่วนหนึ่งที่ช่วยให้รูปร่างของผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมดูผอมเพรียวมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่วิธีการลดความอ้วนโดยตรงและไม่สามารถทำให้ร่างกายผอมลงได้ในทันที สิ่งที่ทำได้เพื่อลดความอ้วนได้ดีที่สุดก็คือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่พอดี การออกกำลังกายเป็นประจำ และในแต่ละวันควรดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้ว เพื่อช่วยสลายไขมันและทำให้การลดความอ้วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด