Tuesday, October 28, 2025
Home Blog Page 21

5 เหรียญคริปโตน่าลงทุนประจำปี 2021 ตอนที่ 2/2

0
เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน
เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน

ได้แนะนำเหรียญคริปโตสำหรับลงทุนในปี 2021 นี้กันไปแล้วในตอนที่ 1 ซึ่งก็ได้พูดถึงเหรียญคริปโต 5 เหรียญที่ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นในปี 2021 นี้ วันนี้มาต่อกันอีกสักห้าตัวดีกว่า เพื่อเป็นทางเลือกกระจายความเสี่ยงออกไป

1. ETHO Protocol (Ether1)

etho protocol ether 1

เหรียญ ETHO นี่เป็นเหรียญที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพราะเริ่มลงทุนตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ทีมพัฒนาเค้าเริ่มจัดตั้งกันเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้เชื่อมั่นเพราะจุดประสงค์ของคอมมูนิตี้นี้ที่ต้องการเป็น Hosting แบบไม่มีจุดศูนย์กลาง ถึงแม้ว่าจะเป็นเหรียญที่อยู่ท้าย ๆ ตาราง แต่ถ้าดูอัตราการซื้อขายรายวัน และอัตราการเจริญเติบโต ถือว่ามีการเติบโตที่ค่อนข้างสเถียรมั่นคงมากเลยทีเดียว ใครที่สนใจซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ถูก ๆ อย่าพลาดเหรียญนี้เลยนะครับ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ETHO Protocol

2. Tether

tether

ตัวนี้เป็นเหรียญที่ไม่ได้มีราคาขึ้นลงที่ฮวบฮาบเหมือนเหรียญอื่น ๆ แต่เป็นเหรียญคริปโตที่จะอ้างอิงกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ ดังนั้นมูลค่าจะใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์ที่สุด นั่นก็คือ 1 ดอลล่าร์ เท่ากับ 1 Tether .. แล้วในเมื่อมันไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงตลอดเราจะลงทุนกับเหรียญนี้ทำไมล่ะ คำตอบก็คือ เราจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นเงินจริงเป็นหลักครับ เช่นวันนี้เงินดอลลาร์เท่ากับ 30 บาท ต่อไปถ้าเท่ากับ 40 บาท เราก็ได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง ส่วนอีกคำตอบหนึ่งก็คือสกุล Tether เป็นสกุลที่จับคู่กับคริปโตอื่น ๆ ค่อนข้างหลากหลาย ถ้าเรามี Tether ในมือ จะสามารถแลกเป็นคริปโตอื่น ๆ ได้สะดวกนั่นเอง

3. Litecoin

litecoin

เหรียญนี้เป็นอีกเหรียญที่ผมถือเอาไว้ในมืออยู่จำนวนไม่มาก นั่นเพราะแรก ๆ ราคาของ   Litecoin ไม่ได้สูงแล้วมันดูไม่ค่อยมีอนาคตเอาซะเลย แต่เมื่อผ่านไปกลับเป็นเหรียญที่ติดอันดับต้น ๆ อยู่ตลอดเวลา เป็นพื้นฐานของเหรียญคริปโตอื่น ๆ อีกหลายเหรียญที่   Fork จาก Litecoin ออกไป มีการเติบโตที่ไม่หวือหวา แต่ก็ขึ้นอย่างมั่นคง และตัวเหรียญเองก็ได้พิสูจน์แล้วว่าแกร่งจริง เพราะอยู่ในตลาดคริปโตเป็นเหรียญแรก ๆ หลังจากบิทคอยน์ไม่นาน

4. Uniswap

uniswap

Uniswap เปิดตัวไม่นานนี้เอง ผมเพิ่งได้ยินเหรียญนี้เมื่อปี 2020 ตอนนั้นก็เริ่มสนใจ แล้วก็ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ราคา 1 ดอลล่าร์กว่า ๆ ด้วยความที่ชอบคอนเซ็บต์ของเหรียญที่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพากระดานซื้อขายเลย แต่บางทีเมื่อเทียบค่าธรรมเนียมออกมากับการซื้อขายตามเว็บไซต์ซื้อขายทั่วไป ค่าธรรมเนียมการใช้งาน Uniswap ดูจะค่อนข้างสูงไปซะหน่อย

นอกจากจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนแล้ว Uniswap เองก็มีกระดานซื้อขายที่ติดตารางอยู่ในอันดับต้น ๆ ราคาของเหรียญก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามแนวโน้มของตลาดคริปโต

5. Monero

monero

ไม่พูดและไม่แนะนำเหรียญ Monero นี้คงไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าพ่อของความเป็นส่วนตัว นั่นก็เพราะทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Monero นั้นเป็นส่วนตัวจริง ๆ ไม่สามารถที่จะติดตามหาต้นตอได้เลย ด้วยเหตุนี้เองแหละทำให้พวกดาร์คเว็บนิยมใช้งานเหรียญนี้กัน ทำให้ราคาพุ่งกระฉูดแล้วก็กลายเป็นตัวเล่นหลักไปโดยปริยาย ข้อดีอีกอย่างของเหรียญนี้ที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวก็คือ การขุดไม่จำเป็นต้องซื้อการ์ดจอหรือใช้เครื่องขุดเฉพาะ แต่มันขุดโดยใช้   CPU ได้เลย


ก็จบไปแล้วสำหรับเหรียญที่แนะนำในปี 2021 นี้ แต่ความเป็นจริงมีอีกหลายเหรียญมากที่มีความน่าสนใจ ซึ่งถ้าให้แนะนำทุกเหรียญคงเป็นไปได้ยากมาก เพราะคงขึ้นเป็นหลักร้อย เอาเป็นว่าให้ข้อมูลเหล่านี้เป็นแนวทางในการเลือกลงทุนดีกว่า สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชัวร์ว่าจะเลือกอันไหนดี ก็สามารถดูรายชื่อเหรียญอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.coinmarketcap.com หรือจะศึกษาเพิ่มเติมจากบทความ การเลือกลงทุนเหรียญสำหรับมือใหม่ นี้ก็ได้

5 เหรียญคริปโตน่าลงทุนประจำปี 2021 ตอนที่ 1/2

0
5 เหรียญคริปโตน่าลงทุนประจำปี 2021 ตอนที่ 1
5 เหรียญคริปโตน่าลงทุนประจำปี 2021 ตอนที่ 1

เป็นประจำทุกปีที่ผมมักจะสรุปเหรียญคริปโตที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน ในปี 2021 นี้ก็เช่นกัน ถึงจะมาช้าหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา 10 อันดับเหรียญที่จะแนะนำสำหรับปีนี้ ก็ยังคงมีรายชื่อเหรียญเดิมที่ยังคงอยู่ แต่ก็มีเหรียญใหม่ ๆ วินเข้ามาจำนวนไม่น้อย การแนะนำทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานที่ผมเองได้ลงทุนมา และเห็นว่าได้ผลตอบแทนที่ดีไม่ได้เป็นการชักชวนลงทุนแต่อย่างใด สำหรับใครที่ลงทุนแล้วต้องยอมรับความเสี่ยงเอาเองนะครับ

เตือนกันทุกบทความนะ ตัวแดง ๆ ตลอดเลย คือ การลงทุนคริปโตนี่เสี่ยงโคตร ๆ ใครที่มีข้อมูลไม่มาก ไม่ชัวร์ หรือใจไม่นิ่งพอ อย่าเข้ามาวงการนี้เลย เสียแล้วเสียเลยนะ ตามคืนได้ยาก

ก่อนที่จะไปถึงเหรียญที่จะแนะนำจะเห็นว่าเทรนด์ของเงินคริปโตตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 นั้นอยู่ ๆ ก็มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดจริง ๆ เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง สามารถนำเงินคริปโตเหล่านี้มาใช้จับจ่ายใช้สอยได้จริงในชีวิตประจำวัน มีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพราะเก็งเหรียญได้ถูกตัว ไปดูกันดีกว่าครับว่า 10 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าสนใจในการลงทุนสำหรับปี 2021 มีอะไรบ้าง

1. Bitcoin บิทคอยน์

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2021 Bitcoin

ก็ไม่ผิดไปตามคาดแน่นอนเพราะบิทคอยน์คือเจ้าพ่อของวงการคริปโตและเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาล ช่วงปีที่แล้วราคาวิ่งอยู่ที่หลักแสนบาทเท่านั้น แต่ช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนก็พุ่งทะลุทะลวง ไม่รู้จะเปรียบยังงัย ไปแตะ 2 ล้านบาทจนได้ ถึงแม้ราคาจะผันผวนตลอด แต่เชื่อว่าฐานราคาใหม่ก็คงจะวิ่งอยู่ที่หลักบ้านบาทขึ้น แล้วก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน เพราะบิทคอยน์เองมาถึงช่วงปลาย ๆ ที่เริ่มจะขุดยากขึ้น หายากได้ แต่กลับมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้วอะไรมีน้อยแต่ถ้ามีคนต้องการเยอะ ราคาย่อมแพงเป็นธรรมดา

2. Ethereum

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2021 Ethereum

ก็เช่นเดิมเหมือนกันสำหรับรายชื่ออันดับ 2 ที่แนะนำ ถ้าหากเปรียบบิทคอยน์คือทองในโลกออนไลน์ Ethereum ก็คือน้ำมันในโลกออนไลน์ ที่เรียกแบบนี้เพราะออกแบบมาเป็น Infrastructure ที่ให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนเครือข่ายนี้ได้ และเสียค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า Gas Fee ในการทำรายการต่าง ๆ (เปรียบเปรยเท่านี้ก่อน ไม่ต้องลงรายละเอียดมากเดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่)

สำหรับ Ethereum นั้นมีจำนวนไม่จำกัด แต่ก็เป็นไปตามหลักการออกแบบของเงินคริปโตที่จะผลิตออกมาน้อยลงเรื่อย ๆ จนถึงจุดนึง Ethereum สักเหรียญกว่าจะผลิตออกมาได้อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีก็ได้ และสิ่งที่ทำให้ Ethereum มั่นคงยืนหยัดอยู่อันดับ 2 ไม่เปลี่ยนก็อย่างที่บอกไปว่า นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนเครือข่ายของ Ethereum ได้อย่างหลากหลาย ทำให้เป็นที่นิยม มีคนใช้งานมาก ราคาก็ขึ้นตามธรรมดา

นักพัฒนาจำนวนไม่น้อยเองก็นำโค้ดของ Ethereum แตกไปทำเป็นเหรียญของตัวเอง เพิ่มฟังก์ชั่นตามแนวทางของตัวเองก็มีเยอะเช่นกัน

ในอนาคตอันใกล้นี้ Ethereum จะมีการอัพเดตเป็น ETH2.0 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเราจะไม่สามารถขุดเหรียญ ETH ได้อีกต่อไปแล้ว จะเปลี่ยนเป็นการ Stake แทน

3. Polkadot

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2021 Polkadot

เอาจริง ๆ เหรียญนี้ตอนแรกไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลย เป็นเหรียญที่มาแรงเอามาก ๆ เพราะเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาไปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะเป็นบล็อคเชนเหมือนกัน ออกแบบมาคล้าย ๆ กับ Ethereum ตรงที่เป็น Infrastructure ให้นักพัฒนาอื่น ๆ สามารถสร้างแอพพลิเคชั่นบนบล๊อคเชนของ Polkadot ได้

เหรียญ Polkadot จะขุดไม่ได้ แต่ใช้อัลกอริทึ่มที่เรียก NPOS (Nominate Proof Of Stake) ซึ่งก็คือ ตั้งเครื่อง Server จำนวนนึง (จำกัดจำนวน) ลง application เอาไว้เชื่อมต่อเครือข่ายบล็อคเชนของ Polkadot ทำหน้าที่เป็นตัวยืนยันการทำรายการต่าง ๆ ในเครือข่ายนี้ และเปิดให้ผู้ใช้งานอื่น ๆ ที่มีเหรียญ Polkadot ถืออยู่ มาร่วมลงขันกันเป็น Pool เมื่อมีการยืนยันรายการแต่ละบล็อคแล้ว ก็จะเอาผลตอบแทนมาแบ่งกัน

Polkadot นี้สามารถซื้อในตลาดซื้อขายของไทยอย่าง Bitkub ได้ ไม่ต้องซื้อจากต่างประเทศแล้วก็แลกเป็นเหรียญอื่นไปมาให้ยุ่งยากเลย

4. Binance Coin

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2021 Binance

Binance Coin เป็นเหรียญที่ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีการเจริญเติบโตที่มั่นคงและแข็งแรงเป็นอย่างมาก เหรียญนี้เกิดขึ้นช่วงประมาณปี 2017 มีบริการหลายอย่างที่ทีมพัฒนาเหรียญ Binance สร้างขึ้น ที่ชัดเจนก็คงจะเป็นกระดานซื้อขาย และสกุลเงินของ Binance เอง ซึ่งถือว่าเป็นกระดานซื้อขายอันดับ 1 มีมูลค่าคิดเป็นเงินแล้วแซงธุรกิจใหญ่ ๆ สามารถซื้อประเทศได้หลายประเทศเลยทีเดียว

สิ่งที่นักลงทุนบางคนยังคงเป็นห่วงก็เพราะ Binance นั้นถูกควบคุมโดยองค์กรที่จัดตั้งขึ้น ไม่เหมือนกับเหรียญคริปโตอื่น ๆ ที่มักจะเป็นการรวมตัวกันของนักพัฒนาเป็นส่วนใหญ่ หลายคนยังกลัวความเป็นส่วนตัว หรือกฎเกณฑ์ที่อาจจะถูกรุกล้ำ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

5. Dogecoin

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2021 Dogecoin

เจ้าหมาชิบะตัวนี้ไม่พูดถึงคงไม่ได้ จากที่เคยเป็นเหรียญท้าย ๆ ตาราง แทบจะไม่มีใครรู้จัก แต่เกิดดังเพียงแค่ข้ามชั่วโมงเอง เป็นเพราะเจ้าพ่อไอทีอย่าง อีลอน มัสก์ ทวีตเชียร์เหรียญนี้นั่นเอง หลังจากวันนั้นก็เป็นที่จับตามอง แล้วก็เติบโตแบบก้าวกระโดดหนักมาก ๆ มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ นั้นผมเองก็ยังไม่ได้ศึกษาเหรียญนี้มาก แต่ก็ได้ซื้อเก็บไว้จำนวนหนึ่งตั้งแต่เริ่มเป็นกระแสแรก ๆ จนถึงวันนี้ก็ถือว่ากำไรพอสมควรเลยทีเดียว


จบตอนที่ 1 กันก่อนดีกว่า เพราะถ้าเขียนให้จบทีเดียวจะเป็นบทความที่ยาวมากเกินไป ในตอนแรกนี้แนะนำเหรียญหลัก ๆ ก่อนสัก 5 เหรียญก่อน สำหรับตอนที่ 2 จะมาต่ออีก 5 เหรียญคริปโตที่น่าสนใจในการลงทุน เอาแค่ 10 เหรียญนี้ก็เหนื่อยที่จะตามกันแล้วล่ะ

สุดยอด 7 กลยุทธ์ในการเทรดสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ

0
กลยุทธ์เบื้องต้นในการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่
Trading linear design with blue typographic title stocks and gold bears and bulls oil vector illustration

การที่มีกลยุทธ์ในการเทรดที่ดีจะช่วยคุณวางแผนอนาคตทางการเงินของคุณได้ โดยเฉพาะมือใหม่นี่ยิ่งจำเป็นจะต้องมีการวางแผนที่มีความรัดกุมมากขึ้น เพราะคุณยังไม่เคยมีประสบการณ์ในตลาดการเงินนี้ และแม้แต่พวกมืออาชีพก็เถอะ พวกเขาก็ยังเคยพลาดพลั้งไปหลายครั้ง ก่อนที่คุณจะได้เรียนรู้ยุทธวิธีในการเทรดที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เรามาเริ่มต้นด้วยวิธีธรรมดา ๆ ที่ทุก ๆ คนโดยเฉพาะมือใหม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดได้กันเถอะ

กลยุทธ์เบื้องต้นในการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่

1. ค้นหาขุมทรัพย์ทองคำ

รู้ไหมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเทรดคืออะไร บางคนอาจบอกว่าคือกำไร และไม่ขาดทุน แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคิดแบบนี้ ใช่ ถูกต้องทีเดียวเลย แต่ถ้าลองคิดดูให้ดี สิ่งพวกนี้ถือเป็นผลพลอยได้หรือเปล่า? สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ “ความรู้” เพราะความรู้ก็เปรียบเสมือนแหล่งขุมทรัพย์ ถ้าคุณมีเงิน คุณก็สามารถซื้อแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้เลย แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้ในการเทรด คุณจะไม่สามารถสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืนแน่นอน ในปัจจุบันนี้ โลกอินเตอร์เน็ตมีเว็บไซต์ความรู้มากมาย และทางผู้เชี่ยวชาญของ trading.in.th ได้สรุปข้อมูลเชิงพื้นฐานและเชิงลึกสำคัญต่าง ๆ สำหรับการเทรดไว้หมดแล้ว

2. เรียนรู้จากเหล่ากูรู

โลกการเงินนี้เกิดขึ้นมานานแล้วเป็นร้อยปี แน่นอนว่าจะต้องมีทั้งผู้ที่ล้มเหลวและประสบความสำเร็จ คนทั้งสองประเภทนี้ต่างเป็นครูให้คุณได้ทั้งคู่ ทำไมน่ะเหรอ? สำหรับผู้ที่ล้มเหลว คุณเรียนรู้จากพวกเขาได้ว่าพวกเขาคิดและทำอย่างไรถึงได้ล้มเหลวไม่เป็นท่า และสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คุณก็เรียนรู้จากพวกเขาได้ว่าพวกเขามีแนวคิดและวิธีการลงทุนอย่างไร ตัวอย่างเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียง เช่น จอร์จ โซรอส และ จิม โรเจอร์ส

3. การเริ่มต้นที่ดี

กลยุทธ์เบื้องต้นในการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่
กลยุทธ์เบื้องต้นในการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่

เมื่อคุณได้เรียนรู้กลยุทธ์และวิธีการคิดจากเหล่ากูรูไปแล้ว เราก็มาเริ่มต้นกันเลย และการเริ่มต้นดีก็ถือว่าคุณได้มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว การติดตามและมองหาโอกาสในหุ้นที่มีคุณภาพสามารถทำได้ไม่ยากเลย คุณสามารถเริ่มต้นจากหุ้นเพียง 1-2 ตัวก่อนก็ได้ และเลือกเทรดหุ้นจากบริษัทยักษ์ใหญ่ ๆ ของแต่ละอุตสาหกรรมที่คุณสนใจ อย่างเช่น อุตสาหกรรมค้าปลีกและโทรคมนาคม การเลือกเทรดในบริษัทใหญ่จะมีข้อดีกว่าเนื่องจากมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความผันผวนน้อย อีกทั้งยังสามารถติดตามข่าวสารได้ง่าย

4. เลือกเทรดในตลาดที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ และไม่เทรดด้วยเงินร้อน

การเทรดในตลาดการเงินแต่ละประเภทจะใช้เงินทุนที่ไม่เท่ากัน หากเริ่มจาดการเทรดหุ้นแบบระยะสั้น คุณก็จะต้องจัดสรรเงินในการเทรดให้เหมาะสม และตั้งค่าเงินขาดทุนที่คุณสามารถรับได้ไว้ด้วย อาจจะประมาณ 2-3% นอกจากนี้ยังจะต้องดูว่าตลาดใดที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณและเรื่องของไทม์โซนของตลาดนั้น ๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะคุณคงไม่อยากจะมานั่งเฝ้าตลาดตอนตีหนึ่งแน่นอน และที่สำคัญที่สุดคือการเทรดด้วยเงินที่คุณยอมเสียได้ ไม่ใช่นำเงินค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างเช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าเทอมลูกมาเทรดในหุ้น เพราะเงินพวกนี้ถือเป็นเงินร้อน ถ้าอยู่ดีๆ ราคาหุ้นที่คุณถืออยู่ตกฮวบอยู่หลายเดือน ปัญหาหนักของคุณจะไม่ใช้เรื่องการขาดทุนแล้ว แต่จะเป็นเรื่องปากท้องของคุณเอง

5. อย่าเอาอารมณ์มาเกี่ยวข้อง

แน่นอนว่าเมื่อคุณได้ยินข่าวลือทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีซึ่งมันอาจจะกระทบต่อราคาหุ้นที่ถืออยู่ คุณคงอยากจะรีบขายหุ้นนั้นออกเพื่อรักษากำไรที่มีอยู่เป็นแน่ แน่นอนว่าหลายคนคงจะทำเช่นนี้ แต่อย่าลืมสิ ข่าวพวกนี้อาจเป็นข่าวปลอมของคนบางกลุ่มที่ต้องการจะให้คุณขายหุ้นออกก็ได้ เมื่อคุณขายหุ้นออก มันก็จะเป็นโอกาสของคนพวกนั้นที่จะได้ช้อนซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลง

เพราะฉะนั้นคุณจะต้องมีระเบียบและวินัยที่สม่ำเสมอ ติดตามและตรวจสอบว่าข่าวนั้นจริงหรือเท็จ

6. ทำกำไรและตัดขาดทุนให้เป็น

สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเทรดแบบระยะสั้นหรือระยะกลางก็คือการตั้งจุดขาดทุนและจุดทำกำไร ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกว่าการจำกัดความเสี่ยง มือใหม่ที่เทรดบนเทรดดิ้งแพลตฟอร์มต่าง ๆ ควรจะต้องเข้าใจวิธีการตั้งค่าดังกล่าวนี้ก่อนที่จะเริ่มเทรด คุณควรจะตั้งจุดทำกำไรและตัดขาดทุนไว้เป็นเปอร์เซ็นต์ และเมื่อราคาหุ้นถึงตามค่าเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวคุณก็ควรตัดขายออกในทันที อย่าไปคิดว่าเดี๋ยวราคามันก็ขึ้นต่อไปอีก หรือราคาจะกลับมาเท่าทุนเดิมในเร็วๆ นี้ เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน

คุณควรจะตั้งจุดทำกำไรและตัดขาดทุนไว้เป็นเปอร์เซ็นต์ และเมื่อราคาหุ้นถึงตามค่าเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวคุณก็ควรตัดขายออกในทันที

7. ยึดมั่นในแผนการที่วางไว้

กลยุทธ์เบื้องต้นในการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คนจะมีแผนการเทรดเฉพาะของตนเอง และพวกเขาก็จะยึดตามแผนการนั้นไปตลอด นอกจากนี้พวกเขายังต้องปรับตัวให้เป็น รู้จักพัฒนากลยุทธ์การเทรดเมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป มีวินัยในการใช้กลยุทธ์นั้นๆ และรู้จักประเมินผลลัพธ์จากกลยุทธ์นั้น ๆ ด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับหนึ่งก็คืออย่าปล่อยให้อารมณ์มานำหน้าเหตุผลจนทำให้คุณเทรดโดยไร้จุดหมาย


“บทความโฆษณา”


ภาพประกอบ : https://www.freepik.com

การอ่านสเป๊คแผงโซล่าเซลล์

0
การดูสเป๊คแผงโซล่าเซลล์
blue solar panel figure hold a billboard

อยากติดตั้งโซล่าเซลล์แต่ก็อยากมีความรู้เบื้องต้นบ้าง เพื่อป้องกันการโดนหลอก สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก็คือสเป๊คของแผงโซล่าเซลล์ ส่วนมากจะดูแค่ว่าแผ่นนั้นผลิตพลังงานได้กี่วัตต์ ซึ่งจะดูแค่นั้นมันก็ได้ถ้าเรามั่นในช่างที่เราจ้างมาจริง ๆ แต่มันก็ดีกว่าใช่มั้ยครับ ถ้าเรารู้ลึกมากกว่านี้ เพราะจะได้เข้าใจภาพรวมทั้งหมดว่าแผงที่เราใช้งานนั้นเต็มประสิทธิภาพจริง ๆ ทำงานเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้เต็มความสามารถจริงหรือไม่

การอ่านสเป๊คแผงโซล่าเซลล์เบื้องต้น

จากตัวอย่างข้างต้น เป็นสเป๊คแผ่นยี่ห้อ Jinko ซึ่งรวมมาหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็มีตัวเลขแตกต่างกัน เราไปเจาะจงกันตรงที่ผมทำสัญลักษณ์สีแดงกันดีกว่า

การดูสเป๊คแผงโซล่าเซลล์
ตารางสรุปรายละเอียดแผงโซล่าเซลล์
  • Maximum Power (PMAX) หรือ Peak Power ซึ่งเป็นกำลังสูงสุดที่แผงนั้นผลิตกระแสไฟได้ หน่วยจะเป็นวัตต์ เช่น 300 วัตต์, 400 วัตต์, 500 วัตต์
  • Maximum Power Voltage (Vmp) เป็นแรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่แผงผลิตออกมาได้เวลาไปใช้งาน หน่วยเป็น Volt แต่เวลานำไปคำนวณเพื่อต่อกับ Controller จะไม่ได้ใช้เป็นตัวเลขเหล่านี้คำนวณตรง ๆ แต่ตัว Charger หรือ Controller จะแปลงเหลือเป็นตัวเลขที่มีการใช้งานกันจริง ๆ เช่น 12v 24v 48v เป็นต้น
  • Maximum Power Current (Imp) คือ กระแสไฟที่แผงผลิตได้เวลานำไปใช้งาน หน่วยเป็นแอมป์ ถ้าต้องการใช้งานมากกว่าสเป๊คแต่ละแผง เราสามารถนำมาต่อกันเป็นแบบขนานหรืออนุกรมได้ (จะกล่าวถึงในบทความต่อ ๆ ไป)
  • Short-Circuit Current (ISC) เป็นค่าที่ได้จากการวัดกระแสที่แผงผลิตออกมาตรง ๆ โดยที่ยังไม่ได้ผ่านอะไรเลย วิธีการวัดก็คือใช้มิเตอร์ขั้วบวก ขั้วลบมาชนกัน ตัวเลขที่ได้ออกมาจะได้มากกว่ากระแสใช้งานจริง (Imp)
  • Open-Circuit Voltage (Voc) คือค่าแรงดันที่แผงผลิตออกมาได้สูงสุด เป็นการวัดตรง ๆ ที่แผงโดยที่ยังไม่ผ่านอุปกรณ์อะไรเลย วิธีการวัดก็ใช้มิเตอร์ในการวัด
หมายเหตุ : เวลาที่วัดค่าต่าง ๆ ควรจะได้สูงกว่าที่ระบุไว้ในสเป๊คบนแผงบ้างเล็กน้อย

คำเตือนเวลาซื้อแผงโซล่าเซลล์

แผงโซล่าเซลล์มีราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ไม่ต่างกับอุปกรณ์อีเล็กโทรนิคส์ชนิดอื่น บางที่ก็มีขายแผงมือสองราคาล่อตาล่อใจพอสมควร แต่เพื่อไม่ใช่โดนหลอกขายก็มีเทคนิคเบื้องต้นในการเลือกแผงดังนี้ (สามารถใช้ได้ทั้งแผงใหม่และแผงมือสอง)

  • วัดค่าให้ได้ตามสเป๊คหลังแผง (ตามรายละเอียดที่แจ้งไปด้านบน) ให้ค่าที่ออกมาได้ใกล้เคียงกับที่ระบุไว้มากที่สุด หรือมากกว่าได้ก็ยิ่งดี การวัดก็ใช้มิเตอร์วัดไฟทั่ว ๆ ไปวัดน่ะแหละครับ แต่ใช้แบบดี ๆ หน่อย ถ้าใช้ของถูก ๆ ไปวัดบางค่าที่กระแสเกินกว่ามิเตอร์รับได้ เดี๋ยวมิเตอร์จะพังเอาได้
  • เลือกที่มีประกันแผง ซึ่งส่วนมากก็จะประกัน 25-30 ปีเลยทีเดียวโดยเงื่อนไขก็มักจะระบุว่ารายในระยะประกันจะสามารถผลิตแสงแดดได้กี่ % ที่ได้ระบุไว้ หลังจากหมดประกันไม่ใช่ว่าจะใช้งานไม่ได้แล้วนะ เพียงแต่ความสามารถในการผลิตไฟจะน้อยลงเท่านั้นเอง
  • หรือว่าเป็นแผงมือสองก็ต้องเลือกที่มีประกันนานที่สุด แล้วก็ต้องเป็นร้านที่ไว้ใจได้

การตรวจสอบแผงโซล่าเซลล์มือสอง

  • เริ่มจากมองทางกายภาพภายนอก ต้องสะอาดสะอ้าน ไม่มีขี้เกลือ ไม่มีสนิม ไม่มีน้ำรั่วซึมเข้าไปด้านใน กล่องด้านหลังต้องไม่มีปัญหา แน่นสนิทไม่มีส่วนไหนที่พองหรือบวม กระจกไม่มีการแตกร้าว เป็นต้น
  • ขั้นตอนอื่น ๆ ก็เหมือนกับการเช็คแผงมือหนึ่ง คือการเอามิเตอร์ไปวัดค่าต่าง ๆ ที่แผ่นผลิตออกมาได้
  • ประกันแผ่นมือสอง ก็เลือกที่นานที่สุด ส่วนมากก็ประกันกันที่ 3 ปี 5 ปี 7 ปี มักจะไม่มากไปกว่านี้ แผงมือสองนั้นคงคาดหวังให้ผลิตไฟได้เหมือนแผงมือหนึ่งไม่ได้

การสร้าง Passive Income แบบ Yield Farming ด้วย DeFi

0
การสร้าง Passive Income แบบ Yield Farming ด้วย DeFi
การสร้าง Passive Income แบบ Yield Farming ด้วย DeFi

Decentralized Financial หรือ DeFi เป็นอีกนวัตกรรมบล็อคเชนที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวงการทางการเงินหรือฟินเทค ในบทความนี้เราจะไปดูรายละเอียดของ Yield Farming ที่กำลังมาแรงและเป็นที่สนใจในวงกว้างทั้งโลก และมันอาจจะเป็นอีกเทคโนโลยีที่สามารถ Disrupt วงการธนาคารได้เลยทีเดียว

DeFi (Decentralized Finance) คืออะไร

defi (decentralized finance) คืออะไร

เป็นระบบการเงินแบบกระจายการบริหารออกไป ต้องการตัดตัวกลางในการให้บริการออก เช่น ธนาคาร เป็นเทคโนโลยีที่ใช้บล๊อคเชนเป็นพื้นฐานในการพัฒนา กระจายอำนาจและข้อมูลต่าง ๆ ออกไปเพื่อความโปร่งใสและไม่มีใครสามารถที่จะไปควบคุมมันได้

ใช้โค้ดเบสของ Ethereum พัฒนาเพิ่มบน Smart Contract หรือ “สัญญาอัจฉริยะ” เป็นแอพพลิเคชั่นจำพวก DAPPS ที่มีจุดมุ่งหมายเน้นไปที่เรื่องเกี่ยวกับการเงิน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DeFi ได้ที่บทความนี้ : DeFi คืออะไร?

DeFi (Decentralized Finance) มีประโยชน์อะไรบ้าง

อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่า DeFi เน้นนำมาใช้งานในวงการการเงิน สิ่งที่จะเห็นได้ชัดเจนคือ คนกลางในการให้บริการทางด้านการเงินจะโดนตัดออกไป เราสามารถปล่อยกู้เงินให้ใครก็ได้ในโลกนี้กู้เงินของเรา แถมได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่านำเงินไปฝากธนาคารอีกต่างหาก ขอเพียงผู้กู้และผู้ยืมสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ เพียงเท่านี้ก็เริ่มต้นกับ DeFi ไม่ยากแล้ว

ตัวอย่างบริการที่นิยมใช้ DeFi ที่เห็นกันบ่อย ๆ ได้แก่ การกู้ยืมเงิน (Lending) แลกเปลี่ยนเงินตรา (Exchange) หรือการระดมทุน (Crowdfunding) เป็นต้น

จากบริการที่ยกตัวอย่างข้างต้น ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการจะมีสิทธิ์เท่าเทียมกันขอเพียงแค่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ และมีกระเป๋าเงินแบบดิจิตอลที่รองรับการทำรายการดังกล่าวเท่านั้นเอง

อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในบทความนี้เพราะเราได้จั่วหัวเอาไว้ก็คือ “Yield Farming” หรือการทำฟาร์มแบบดิจิตอล และได้ผลตอบแทนนั่นเองครับ

ความหมายของ Yield Farming

Yield Farming เป็นการทำกำไรอย่างหนึ่งจากเหรียญคริปโตที่เราถืออยู่ คล้าย ๆ กับการ Staking เหรียญนั่นเอง แต่ต่างตรงที่ Yield Farming จะไม่เก็บเงินเอาไว้ในกระเป๋าเงินดิจิตอลเฉย ๆ แต่จะเอาเงินของเราเหล่านั้นไปใช้งานจริงไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตจริง หรือโอนไปมาในโลกดิจิตอล ซึ่งจะทำให้มีสภาพคล่องในระบบ มีเงินหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาไม่ต่างจากที่เราใช้เงินจริง ๆ นั่นเอง ซึ่งเราจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่มีคนเอาเงินเราไปใช้งาน

ตัวอย่างของ Yield Farming

แพลตฟอร์มกู้ยืมเงินอย่าง AAVE หรือ Compound เราสามารถเข้าไปสมัครสมาชิกแล้วฝากเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้กับคนอื่น ๆ ที่เรียกว่า Pool เพื่อให้ผู้ใช้งานอื่น ๆ มากู้ยืมเงินของเราออกไปใช้ เมื่อได้รับเงินคืนก็จะได้ดอกเบี้ยเหมือนการปล่อยเงินกู้ทั่ว ๆ ไป โดยจะเฉลี่ยดอกเบี้ยออกไปตามสัดส่วนของคนอื่น ๆ ที่เอาเงินมารวมกัน

ซึ่งกระบวนการข้างต้นนั้นใช้งานได้มาก ๆ เราไม่ต้องไปหาคนมากู้ ไม่ต้องคอยติดตามทวงถามหนี้ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเองอัตโนมัติบนระบบบล็อคเชน ยิ่งมีผู้ใช้งานระบบ DeFi เยอะ ผลกำไรที่เราจะได้ก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม

อยากจะเริ่มต้น Yield Farming ต้องทำอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นเลย การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ยิ่งการลงทุนบนโลกออนไลน์แบบนี้แล้วยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากกกกก … แต่ผลตอบแทนมันก็สูงตามกับความเสี่ยงที่จะได้รับเหมือนกัน

การเริ่มต้น Yied Farming ในบทความนี้จะเป็นการกล่าวถึงเพียงแค่ Concept คร่าว ๆ ก่อนเท่านั้น สำหรับขั้นตอนอย่างละเอียดจะมาบอกกันอีกครั้ง

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์เหล่านี้ coinmarketcap.com coingecko.com หรือ defipulse เป็นต้น แต่ก็ต้องค่อย ๆ ค้นดูในนั้นนะครับ เพราะข้อมูลอัพเดตอยู่ตลอดมีหลากหลายมาก ต้องขยันหาข้อมูลกันหน่อย

ตัวอย่าง DeFi ที่ได้รับความนิยมมีผู้ใช้งานมาก ๆ ได้แก่ Uniswap, Compound และ AAVE เป็นต้น

  1. เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลด Software Wallet ที่รองรับแพลตฟอร์มดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น ในที่นี้จะยกตัวอย่างเป็น Metamask ซึ่งเป็น Extension เสริมที่ติดตั้งบน Browser แทบจะทุกตัวได้

ดาวน์โหลด Metamask ได้ที่ : https://metamask.io/

การสร้าง Passive Income แบบ Yield Farming ด้วย DeFi
Metamask เป็น Software Wallet ที่นิยมใช้งานอันดับหนึ่ง เพราะรองรับเงินคริปโตบนพื้นฐานของ Ethereum ได้เกือบทุกชนิด
  1. ต่อมาต้องมีเหรียญที่แพลตฟอร์ม DeFi รองรับ สามารถหาซื้อเหรียญต่าง ๆ ได้จากเว็บไซต์ที่ให้บริการซื้อขาย สำหรับเมืองไทยอันดับหนึ่งคือ bitkub
  2. เมื่อได้เหรียญคริปโตมาแล้ว ก็ให้โอนเหรียญนั้นเข้า Software Wallet (Metamask) ที่ได้เตรียมการเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ขั้นตอนนี้จะเสียค่าโอนเงินอยู่บ้าง และต้องตรวจสอบดูก่อนว่าแต่ละเหรียญที่เราจะมาลงทุนใน Yield Farming นั้น ต้องการขั้นต่ำเท่าไหร่
  3. เมื่อได้เหรียญมาแล้วเราจะต้องหาเว็บไซต์ที่ให้บริการเชื่อมต่อระบบให้เรา อย่างเช่น debank.com เป็นต้น
การสร้าง Passive Income แบบ Yield Farming ด้วย DeFi
Debank.com เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเหรียญที่รองรับ DeFi มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
  1. หากการเชื่อมต่อทุกอย่างถูกต้อง เราก็จะสามารถเลือก Pool หรือบริการที่เกี่ยวข้อง เพียงแค่ฝากเหรียญเข้าไป แล้วก็รอรับผลตอบแทนกันได้เลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้ละเอียดก่อนนะครับ เพราะการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับ DeFi และ Yield Farming เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้แนะให้ลงทุน ผู้ลงทุนจะต้องยอมรับความเสี่ยงเอง

สรุปส่งท้ายสักหน่อย

  • DeFi เป็นเทคโนโลยีการเงินรูปแบบใหม่โดยไม่มีตัวกลาง พัฒนาขึ้นมาจากบล็อคเชนโดยใช้ Smart Contract ของ Ethereum
  • Yield Farming การสร้างรายได้แบบ Passive Income รูปแบบหนึ่ง ผู้ใช้งานเพียงแค่ฝากเงินไปไว้ใน Pool แล้วก็รอรับดอกเบี้ยเมื่อมีคนมายืมเท่านั้นเอง

อ้างอิง

ลดความอ้วนอย่างไรให้ผอมได้ โดยไม่ต้องอดอาหาร

0
การลดความอ้วนโดยไม่ต้องอดอาหาร

พูดถึงการลดความอ้วนหรือลดน้ำหนัก เชื่อว่าหนุ่มสาวพลัสไซส์หลายคนที่เคยลดมาก่อนเลือกใช้วิธีที่คิดว่าง่ายและเร็วที่สุด ซึ่งก็คือ “การอดอาหาร” หลังจากนั้นคาดว่าทุกคนจะเข้าใจว่านั่นเป็นวิธีที่ผิด เพราะในความเป็นจริงการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีเพื่อผลดีอย่างยั่งยืนนั้นไม่จำเป็นต้องอดอาหารเลย แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ดีต่อสุขภาพและไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายในระยาวยาว

การลดความอ้วนโดยไม่ต้องอดอาหาร

ผลเสียจากการอดอาหาร

การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้นอาจได้ผลจริงในช่วงแรก ๆ น้ำหนักจะเริ่มลดลง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งร่างกายจะเข้าใจไปว่ากำลังขาดสารอาหาร แทนที่จะเผาผลาญและนำพลังงานจากอาหารมาใช้ กลับเก็บไว้มากขึ้นและเผาผลาญน้อยลง น้ำหนักจะไม่ลดอีกนอกเสียจากว่าจะทานให้น้อยลงไปอีก เมื่ออดไปสักระยะ น้ำหนักก็จะคงที่อีกครั้ง จึงเข้าสู่การวนลูปอดอาหาร ซึ่งไม่มีใครทำไปได้ตลอดแน่นอน เมื่อเริ่มกลับมาทานมากขึ้นอีกครั้ง น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเรียกว่า “ภาวะโยโย่เอฟเฟค” ระบบเผาผลาญจะทำงานไม่ปกติ ทำให้อ้วนง่ายและลดน้ำหนักได้ยากขึ้น นอกจากนี้การอดอาหารยังก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น

  • กล้ามเนื้อสลาย คนเราจำเป็นต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน 5 หมู่ หากขาดไปโดยเฉพาะโปรตีน กล้ามเนื้อจะเริ่มสลายเพราะร่างกายต้องดึงโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้แทนนั่นเอง
  • เจ็บป่วยง่าย การขาดสารอาหารทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงติดเชื้อง่าย อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดเชื้ออื่น ๆ ด้วย เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคโลหิตจางโรคชาตามปลายมือปลายเท้าจากการขาดวิตามิน เป็นต้น ที่สำคัญนอกจากจะป่วยง่ายแล้ว ยังหายป่วยช้าเนื่องจากร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเองได้ไม่ดีอีกด้วย
  • แก่ง่าย เมื่อขาดสารอาหาร ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ช้า ผิวพรรณจะเหี่ยวย่นเร็ว ผมหงอกไว ดูทรุดโทรมไม่แข็งแรง

แนวทางการลดความอ้วนโดยไม่อดอาหาร

การลดความอ้วนโดยไม่ต้องอดอาหาร
อาหารสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

การลดความอ้วนให้ได้ผลนั้นไม่จำเป็นต้องอดอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว แค่ทานอาหารให้ถูกหลักก็จะได้ทั้งอิ่มและหุ่นที่ดี ดังนั้นจะเลือกอดอาหารกันอยู่ทำไม มาดูวิธีการลดน้ำหนักให้ได้ผลอย่างยั่งยืนกันดีกว่า

1. คุมอาหาร ไม่ใช่อดอาหาร

การควบคุมอาหารนั้นไม่เหมือนการอดอาหาร เพราะยังสามารถทานให้อิ่มได้เพียงแต่ต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารมัน ๆ หวาน ๆ ลง เช่น ลดการดื่มชานมไข่มุก เปลี่ยนการปรุงอาหารด้วยวิธีการทอดมาเป็นนึ่ง ต้มหรือย่างแทน หากอยากทานอาหารทอดให้ทอดโดยหม้อทอดไร้น้ำมัน ทานผักผลไม้สด งดน้ำผักผลไม้กล่องเพราะน้ำตาลสูง ลดการดื่มน้ำหวานน้ำอัดลม เป็นต้น

2. ทานในปริมาณที่เหมาะสม

ใครที่ต้องการลดน้ำหนักอยากให้ลองศึกษาค่าของพลังงานทั้ง 2 ตัว ได้แก่ BEE และ TDEE สำหรับตัวแรกนั้นเป็นค่าของพลังงานพื้นฐานที่ร่างกายควรจะได้รับ หรือเป็นพลังงานที่ร่างกายต้องได้รับในขณะพัก ไม่รวมกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ทำงาน ออกกำลังกาย ฯลฯ ส่วนอีกตัวหนึ่งคือค่าพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายใช้ในแต่ละวัน ซึ่งจะรวมไปถึงการทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วย

เพราะฉะนั้นถึงแม้จะลดความอ้วน แต่ต้องทานอาหารให้ได้พลังงานตามค่า BEE แต่ถ้าอยากหุ่นดี มีกล้ามเนื้อ มีสัดส่วน ควรคำนวณกิจกรรมที่ตัวเองทำในแต่ละวันแล้วทานให้ได้ตามค่า TDEE จะตอบโจทย์มากกว่า ส่วนวิธีการคำนวณนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามเว็บไซต์สุขภาพทั่วไปในอินเทอร์เน็ตได้เลย

3. ทานตามหลัก 2:1:1

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นลดน้ำหนักแต่ยังคง งงงวยกับแนวทางการทานอาหารอยู่ แนะนำให้ทานตามสูตร 2:1:1 ได้แก่ ผัก 2 ส่วน โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอย่าง 1 ส่วน หากไม่อิ่มสามารถทานผักเพิ่มได้ไม่อั้น ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วกันด้วยนะ

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ถึงแม้การคุมอาหารเพียงอย่างเดียวจะช่วยลดน้ำหนักได้เหมือนกัน แต่ถ้าออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย น้ำหนักจะลงเร็วขึ้น สัดส่วนของร่างกายจะสวยงามสมดุลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะนี้ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

5. มื้อเช้าสำคัญมาก

มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เป็นพลังงานสำคัญที่ช่วยให้สมองและร่างกายใช้รับมือกับการทำงานและกิจกรรมอื่นๆระหว่างวัน ดังนั้นมื้อเช้าจึงสามารถทานเยอะได้ ส่วนมือกลางวันทานให้น้อยลงเล็กน้อยและมื้อเย็นนั้นเป็นมื้อที่เบาที่สุด ทานอาหารได้ตามปกติธรรมดาแต่ไม่ต้องทานเยอะ เพราะใกล้จะถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ควรทานก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามถึงแม้มือเย็นจะไม่ได้สำคัญเท่าสองมื้อแรก แต่ก็ไม่ควรทานแต่เครื่องดื่มหรือผลไม้แทนอาหารปกติ

6. ชีสเดย์ได้แต่ต้องพอประมาณ

ชีสเดย์หรือมื้อสวรรค์สำหรับคนลดน้ำหนักนั้น แนะนำให้ทานสัปดาห์ละ 1 มื้อก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้าบังคับตัวเองไม่ให้ทานเลย อาจรู้สึกเคร่งเครียดเกินไปจนทำให้ตบะแตกได้ แต่ถ้าทานมากเกินไป ที่คุมอาหารกับออกกำลังกายมานานก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้นชีสเดย์ทานได้ แต่ต้องทานให้พอประมาณเท่านั้นเอง


อันที่จริงแล้วการลดความอ้วนนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ไม่จำเป็นต้องไปหาวิธีการที่แปลกพิสดารหรืออันตรายมาใช้ เพราะแทนที่จะได้ลดน้ำหนัก อาจได้ภาวะโยโย่เอฟเฟคหรือความเจ็บป่วยมาแทนได้ วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดนั้นทำได้ง่ายมาก แค่ควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเท่านั้นเอง ขอแค่ทุกคนมีวินัยและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะเห็นผลช้าหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ากับความพยายามอย่างแน่นอน


ภาพประกอบบทความ freepik.com

โซล่าเซลล์ คืออะไร? ฉบับคนไม่รู้อะไรเลย

0
โซล่าเซลล์ฉบับเริ่มต้น
Solar energy abstract concept vector illustration. Solar panel, power plant, alternative source of electricity, radiant light, artificial photosynthesis, sun energy, resources abstract metaphor.

โซล่าเซลล์ คือ การนำแสงอาทิตย์มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นไฟกระแสตรงเหมือนไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ สามารถนำมาใช้กับไฟฟ้าในบ้านได้โดยการแปลงเป็นกระแสสลับเสียก่อน

ทำไมต้องเป็นโซล่าเซลล์

เพราะว่าโซล่าเซลล์เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณประโยชน์มากมายจริง ๆ เป็นพลังงานจากธรรมชาติ (แสงอาทิตย์) ไม่มีวันหมด ใช้ให้ตาย เปลืองแค่ไหนก็ยังใช้ได้ไปอีกหลายร้อยล้านปี เป็นพลังงานสะอาดไม่ก่อมลภาวะแก่โลก และที่เริดอลังการที่สุดก็คือ “เราสามารถขายไฟคืนให้กับการไฟฟ้าได้ด้วย” กลายเป็นรายได้เสริมแบบ Passive Income เข้าไปอีก

การทำงานของโซล่าเซลล์

โซล่าเซลล์ฉบับเริ่มต้น

ขั้นตอนการทำงานของโซล่าเซลล์ก็คือ มีแผงสำหรับรับแสงอาทิตย์ แปลงรังสียูวีที่อยู่ในแสงอาทิตย์เป็นพลังงาน แล้วส่งต่อไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแผงโซล่าเซลล์ทำมาจาก ดิน หิน ทราย โดยการนำไปสกัดคัดแยกเอาธาตุซิลิกอนออกมาใช้งาน ผลิตเป็นแผงโซล่าเซลล์ที่เราเห็นใช้งานกัน สามารถนำหลาย ๆ แผงมาต่อกันเพื่อให้ได้กระแสไฟและแรงดันที่เพิ่มขึ้นเพียงพอต่อการใช้งานตั้งแต่ขนาดเล็กตามบ้านทั่ว ๆ ไป ไปจนถึงโรงงานขนาดใหญ่ได้

ประเภทของแผ่นโซล่าเซลล์ (Solar Panel)

Monocrystalline (โมโน)

โซล่าเซลล์ฉบับเริ่มต้น

แผงโซล่าเซลล์แบบโมโน จะเป็นแผ่นที่เห็นได้เยอะสุดที่ประเทศไทย เพราะตามสเป๊คนั้นสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าชนิดอื่น และราคาก็ถูกลงจนเท่ากับแบบโพลีหรือบางยี่ห้อก็ขายถูกกว่าซะด้วยซ้ำ แผงโซล่าเซลล์แบบโมโนนี้จะนำซิลิกอนที่ได้จากการสกัดในตอนแรก มากวนจนเป็นแท่งทรงกระบอกแล้วตัดให้เป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ลบมุมออกทั้ง 4 ด้าน พอเอามาต่อกันจะเห็นเป็นจุดต่อกันระหว่างแผ่น ข้อด้อยของแผ่นโซล่าเซลล์ประเภทนี้คือ ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่ออุณหภูมิสูง

Polycrystalline (โพลี)

โซล่าเซลล์ฉบับเริ่มต้น

แผงแบบโพลี คุณภาพเกือบเทียบเท่ากับโมโนผลิตมาจากซิลิกอนแบบเดียวกันแต่องค์ประกอบและความบริสุทธิ์มีน้อยแบบโมโน เอามาต่อกันแบบไม่ตัดมุมจะทำให้เห็นเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลาย ๆ ช่องวางต่อกัน ถ้ามองกันตามสเป๊คที่บอกมาแผ่นโพลีถือว่ามีประสิทธิภาพด้อยกว่าเล็กน้อย แต่จะได้เปรียบตรงที่ราคาถูกกว่าและสามารถทำงานในอุณหภูมิสูงได้ดีกว่า ดังนั้นถ้าเอามาใช้งานในพื้นที่ ที่มีความร้อนมากการเลือกใช้งานแผ่นโพลีอาจจะได้ผลดีกว่าแบบโมโนก็ได้

Amorphous หรือ Thin Film

โซล่าเซลล์ฉบับเริ่มต้น

แบบสุดท้ายนี้เป็นแบบบางซึ่งจะแตกต่างจากสองแบบก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง มีการใช้งานน้อยมากในตลาด ลักษณะจะเป็นแผ่นบาง ๆ งอได้ ราคาจะแพงและมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้น้อยที่สุดจึงไม่เป็นที่นิยมในการติดตั้งเพื่อใช้งานตามบ้านทั่วไป แผ่นแบบนี้เราจะเห็นใช้งานกันมานานแล้ว ยกตัวอย่างตามเครื่องคิดเลขที่ไม่ต้องใช้ถ่าน ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นแผงโซล่าเซลล์แบบนี้เป็นตัวให้พลังงานอยู่

ระบบพลังงานแสงอาทิตย์

ระบบออนกริด (On-Grid)

ระบบออนกริดจะเป็นระบบที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการทำงาน เพราะเป็นการเชื่อมต่อโซล่าเซลล์เข้ากับระบบของการไฟฟ้า เป็นการติดตั้งในสถานที่ที่ไฟฟ้าเข้าถึง แต่ใช้โซล่าเซลล์เสริมเพื่อลดค่าใช้จ่ายรายเดือนลง สำหรับตามบ้านที่ติดตั้งระบบนี้บางหลังที่ลงทะเบียนเอาไว้กับการไฟฟ้า จะสามารถส่งกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซล่าเซลล์กลับเข้าไปในระบบของการไฟฟ้า เพื่อขายไฟกลับคืนให้การไฟฟ้าได้ด้วย ค่าติดตั้งอัพเดตในปี 2021 สำหรับระบบนี้รวมทุกอย่างแล้วก็ประมาณ 50,000 บาทต่อ 1 กิโลวัตต์

ระบบออฟกริด (Off-Grid)

ระบบออฟกริดจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ในการใช้งาน เพราะจะนำกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้เก็บลงในแบตเตอรี่ก่อนเพื่อใช้งานในช่วงกลางคืน สำหรับช่วงกลางวันก็จะเอากระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่งให้เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานได้ตรงเลย ระบบนี้นิยมใช้งานในพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งก็จะสูงขึ้นอีกเพราะมีแบตเตอรี่เข้ามาเพิ่ม ระบบออฟกริดนี้จะต้องคำนวณให้เพียงพอต่อการใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แล้วแต่ว่าจะเผื่อเอาไว้อย่างไร บางที่ก็เผื่อไปว่าให้เพียงพอต่อการใช้งาน 2 วันเต็ม ๆ ในกรณีที่ฟ้าปิดไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้

ระบบไฮบริด (Hybrid)

ระบบสุดท้ายนี้ก็ไม่น่าจะเข้าใจยาก มันก็คือการนำสองระบบข้างต้นมาใช้งานร่วมกัน แต่ผู้ใช้งานอาจจะสับสนหน่อย ระหว่างออนกริด แต่ให้จำเอาไว้ง่าย ๆ เลยว่า ถ้ามีการรับไฟฟ้าจากหลายแหล่งผลิตให้ตีเป็นระบบไฮบริดไว้ก่อน เช่น มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม หรือ แก๊สชีวภาพด้วย เป็นต้น ในช่วงเวลากลางวันระบบจะใช้งานจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าก่อน ส่วนไฟฟ้าที่เหลือก็เก็บลงแบตเตอรี่เอาไว้ใช้งานในตอนกลางคืน ถ้ายังไม่เพียงพอก็จะดึงไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้งานเพิ่มเติม สำหรับระบบไฮบริดจะยังเห็นไม่เยอะนักเพราะต้องลงทุนอุปกรณ์สูง มักจะเป็นผู้ให้บริการผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายที่ติดตั้งระบบนี้


เริ่มต้นง่าย ๆ สำหรับโซล่าเซลล์เอาไว้เท่านี้ก่อน ในโอกาสถัดไปจะค่อย ๆ แตกประเด็นในแต่ละหัวข้อออกมาให้ละเอียดมากกว่านี้ เพราะเรื่องโซล่าเซลล์ไม่สามารถเขียนให้จบได้ในบทความเดียว เพราะรายละเอียดแต่ละส่วนมีเยอะ ความยาวจะหลายหน้ามากจนเกินไป ^_^


ภาพประกอบ : freepik.com

DeFi คืออะไร

0
defi (decentralized finance) คืออะไร

ย้อนกลับไปไม่กี่ปี พนักงานธนาคารถือว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีความมั่นคงสูงเลยทีเดียว รายได้เยอะ สวัสดิการดี โบนัสแต่ละปีก็ไม่น้อย วงการอาชีพอื่น ๆ ก็อิจฉากันเป็นแถว ๆ แต่มันไม่ใช่ในยุคของบล็อคเชน ยุคของเทคโนโลยีที่กระทบไปในวงกว้างทุกสาขาอาชีพ ใครที่ขยับช้า มัวแต่ยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ ก็มีโอกาสล้มเหลวได้ง่าย ๆ มีตัวอย่างให้เห็นเยอะมาก

DeFi หรือ Decentralized Finance เริ่มเป็นคำที่ได้ยินหนาหูตั้งแต่ประมาณปี 2018 (ราว ๆ นี้แหละ) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อมาจากบล็อคเชน โดยเน้นไปที่การเงินแบบไร้ตัวกลาง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ไม่ใช่เหรอ? เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่า ว่าทำไม DeFi (Decentralized Finance) ถึงเป็นประเด็นร้อนในวงการคริปโต

** ข้อมูลทั้งหมดเป็นการศึกษา ค้นคว้า รวบรวมจากหลายแหล่ง หากท่านใดคิดว่าส่วนไหนไม่ถูกต้อง เรายินดีรับคำชี้แนะ แจ้งกันมาได้เลย **

DeFi (Decentralized Finance) คืออะไร

ทบทวนอีกนิดถึงเนื้อหา DeFi คือ Decentralized Finance เป็นคอนเซ็บต์ทางการเงินที่จะไม่ให้มีองค์กรใดเป็นตัวกลางในการทำรายการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร เว็บซื้อขาย .. การโอนเงิน การยืมเงิน รวมถึงทุกธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นบน DeFi นี้จะเป็นการดำเนินการกันโดยตรงระหว่างผู้ส่งและผู้รับ อีกทั้งยังสามารถโอนเงินได้หลายสกุล เช่น ส่งเป็น ETH แต่ระหว่างส่งก็แปลงเป็น ETHO ให้ปลายทาง … ผลก็คือ ผู้รับจะได้รับเงินเป็น ETHO แทนนั่นเอง

ETHO = ETHO Protocol อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ Ether-1 เหรียญทางเลือกที่น่าลงทุน

ลองจินตนาการกันดู ว่าในอนาคตเราจะกู้ยืมเงิน หรือว่าส่งเงินหาใครก็ได้ในโลกนี้โดยไม่ผ่านธนาคาร … แล้วถึงวันนั้น ธนาคารจะยืนอยู่ตรงไหน?

ทำไมถึงมีการนำเทคโนโลยีการเงินแบบเดิม มาใช้งานกับบล็อคเชน

บิทคอยน์เริ่มเปิดตัวและนำมาใช้งานประมาณปี 2008 ในช่วงนั้นเป็นเพียงทางเลือกใหม่ทางการเงิน น้อยคนที่จะรู้จักและเชื่อมั่นในบิทคอยน์ สิบปีให้หลังสถานะของบิทคอยน์กลายเป็นทรัพย์สินดิจิตอลที่มีมูลค่ามหาศาล เป็นคริปโตอันนับหนึ่งในยุคที่คริปโตเฟื่องฟู

เมื่อมีการยอมรับบิทคอยน์และเทคโนโลยีบล็อคเชนในวงกว้าง เหล่าสถาบันการเงินมากมายก็เริ่มมีการปรับตัวนำบล็อคเชนมาประยุกต์ใช้งาน เพราะความน่าเชื่อถือของบล็อคเชน ความปลอดภัยในเครือข่ายที่ได้ออกแบบมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามีหลาย Start up เกิดขึ้น จากเดิมจะระดมทุนจากนายทุนใหญ่ ๆ แต่เพราะเทคโนโลยีบล็อคเชน จึงได้เปลี่ยนการระดมทุนเป็นการออก Token Digital แทนเงินแบบดั้งเดิม ทำให้มีการแลกเปลี่ยนเงินเป็นจำนวนมาก

เมื่อมีการใช้งานคริปโตมากขึ้น การแลกเปลี่ยนก็เติบโตขึ้นตาม แต่ก็ยังคงต้องมีตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ เหล่านี้อยู่ดี เพราะเหตุนี้เองทำให้เกิด Decentralized Finance (DeFi) เพื่อทลายข้อจำกัดต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการมีตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ส่งผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ใช้

ตัวอย่างการนำ DeFi (Decentralized Finance) มาใช้งาน 

กู้เงิน ยืมเงิน (Lending, Borrowing)

ปกติแล้วคนที่มีเงินคริปโตส่วนมากมักจะทำการซื้อขายเพื่อเอาส่วนต่างกำไร หรือบางส่วนก็เก็บเอาไว้ให้ราคาขึ้นสูงแล้วจึงขายออกไป การกู้ยืมออนไลน์นี้จะให้ผู้ที่มีเหรียญอยู่ในมือเอาเหรียญเหล่านั้นมาวางไว้เป็นหลักประกันแล้วก็รับเป็นเหรียญชนิดอื่นไป และจะได้รับเหรียญคืนเมื่อนำมาคืนจนครบ ซึ่งคอนเซ็บต์แบบนี้เป็นการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายเงินคริปโต เมื่อมีการใช้จ่ายมากขึ้นมูลค่าของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ตัวอย่าง defi platform debank

สามารถดูตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ให้บริการ Online Lending ได้จากเว็บไซต์ debank.com 

แน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากการปล่อยกู้เหรียญคริปโตนั้นจะได้รับมากกว่าการฝากเงินธนาคารมาก ใครที่ปล่อยให้กู้เยอะก็จะได้รับดอกเบี้ยเยอะตามไปด้วย ถือว่าเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ให้เจ้าของเงินคริปโต แทนที่จะเก็บไว้เฉย ๆ 

แลกเปลี่ยนเงินคริปโต โดยไม่ผ่านคนกลาง

ปกติแล้วการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินคริปโตจะต้องดำเนินการผ่านคนกลางไม่ต่างจากการซื้อขายหุ้นที่ต้องมีตลาดหุ้นเป็นผู้ดำเนินการให้ แต่ DeFi จะเป็นการแลกเปลี่ยนโดยตัดผู้ให้บริการเหล่านั้นทิ้งไป ผู้ใช้สามารถแลกเป็นเงินคริปโตชนิดอื่น ได้โดยตรง

การทำฟาร์มดิจิตอล (Liquidity Mining & Yield Farming)

ในที่นี่ไม่ใช่ฟาร์มสำหรับปลูกต้นไม้ แต่เป็นการล๊อคเหรียญเอาไว้ไม่เอาออกมาใช้งาน และได้รับผลตอนแทนกลับมา บางทีก็จะได้กลับมาเป็นเหรียญคริปโตชนิดอื่น 

การซื้อขายหุ้น / อนุพันธ์

การขายประกัน

รายการข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างที่นำ DeFi มาประยุกต์ใช้งาน จะเห็นได้ว่า สามารถเอาไปใช้งานได้กับทุกธุรกิจ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ลองดูได้จากลิงค์นี้ DeFi Pulse.

ความเสี่ยงของ DeFi คืออะไร?

เกริ่นมานานอ่านแล้วก็เหมือนกับว่า DeFi มีแต่ข้อดีมากมายไปหมด มันไม่ใช่แบบนั้น เหรียญย่อมมีสองด้านไม่ต่างกัน ความเสี่ยงในการใช้งาน DeFi ในนี้แบ่งได้เป็นสองแบบ ดังนี้

Technical Risk : 

ความเสี่ยงแบบนี้เป็นเรื่องทางเทคนิคของเทคโนโลยีที่เราไม่รู้ว่ามันมีจุดโหว่ตรงไหนบ้าง เราเห็นข่าวอยู่เสมอ ๆ ว่าเดี๋ยวเว็บนู้นโดนแฮ่ก เว็บนี้โดนแฮ่ก ถ้ามองไม่แง่ของสถาปัตยกรรมทางด้านไอที ต่อให้ออกแบบมาดีแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็โดนแฮกเกอร์หัวใส หาจุดโหว่และแฮกได้อยู่ดี ถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมาจริง ๆ เงินคริปโตที่เรามีอาจจะสูญหายเพียงเสี้ยววินาทีก็ได้

Financial Risk : 

แพลตฟอร์มที่ให้บริการ DeFi ส่วนใหญ่มีกฎว่าจะต้องมีการฝากสินทรัพย์ดิจิตอลเอาไว้จำนวนหนึ่ง จึงจะสามารถใช้บริการได้ ด้วยเงื่อนไขแบบนี้ทำให้ต้องมีตัวกลางในการให้กู้ยืมออนไลน์กันอยู่ดี ถ้าเกิดวันดีคืนดีแพลตฟอร์มเหล่านี้ปิดตัวลง เงินก็หายเหมือนกัน มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่เนือง ๆ นั่นเอง


ในวงการไอทีและคริปโตหลายคนเชื่อว่า DeFi จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ของการเงินลงไปได้ คงต้องให้เวลาพิสูจน์ซึ่งคงใช้เวลาอีกไม่นาน แต่ที่เชื่อได้แน่นอนก็คือ ถ้าสถาบันการเงินยังคงไม่รีบขยับตัวเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เราคงเห็นหลาย ๆ ที่ในวงการนี้ทยอยล้มหายตายจากกันไปเรื่อย ๆ 


อ้างอิง

https://www.bitwala.com/blog/what-is-decentralized-finance/ 

การใช้งาน Google Translate ใน Google Docs

0
การแปลเนื้อหาใน Google Docs

เวลาใช้งาน Google Docs ปกติแล้วจะมีฟังก์ชั่นในการแปลเนื้อหาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะแปลทั้งหมดแล้วก็ก๊อปปี้ไฟล์นั้นไปไว้เป็นอีกไฟล์นึง หากต้องการแปลเพียงบางย่อหน้าก็มีทางออกสำหรับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน โดยติดตั้ง Add on เพิ่ม เอาไว้ใช้งานได้ฟรีเหมือนเดิม ไปดูวิธีการกัน

1. ก่อนอื่นต้องติดตั้ง Add-ons ก่อน โดยคลิกที่เครื่องหมาย + ด้านขวามือของ Browser

การแปลภาษาใน Google Docs

2. ต้องช่องค้นหาให้ค้นคำว่า Translate แล้วเลือกที่โปรแกรมชื่อ “Docs Paragraph Translate”

การแปลภาษาใน Google Docs

3. กด Install เพื่อเริ่มติดตั้ง (ระหว่างติดตั้งอาจจะมีการขอ Permission ต่าง ๆ ให้อนุญาติด้วยครับ ไม่งั้นจะใช้งานไม่ได้)

การแปลภาษาใน Google Docs

4. เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วกดที่ลิงค์ Done แล้วปิด Browser เพื่อเริ่มใช้งานใหม่

การแปลภาษาใน Google Docs

5. หลังจากเปิด Browser แล้ว เมื่อต้องการแปลให้เลือกเนื้อหาที่ต้องการแปล ตามตัวอย่างข้างล่างนี้

การแปลภาษาใน Google Docs

6. ไปที่เมนู Add-ons + Docs Paragraph Translate + Start

การแปลภาษาใน Google Docs

7. โปรแกรมจะขึ้นทางด้านขวา ในครั้งแรกเราต้องตั้งค่าการแปลก่อน โดยเลือกภาษาต้นทาง และ ภาษาปลายทาง

การแปลภาษาใน Google Docs

8. กดที่แถบที่ 2 เพื่อเริ่มการแปลโดยการกดที่ปุ่ม Translate ถ้าต้องการแทรกเนื้อหาที่แปลในบทความให้เอา Cursor ไปวางตรงไหนก็ได้ของเนื้อหา แล้วกด Paste

การแปลภาษาใน Google Docs

เทคนิคง่าย ๆ นะครับ สำหรับคนขี้เกียจแบบผม ที่ไม่ชอบเปิดหน้าจอหลายโปรแกรมไปมา เพื่อจะแปล

เทคนิคการเลือกลงทุนเหรียญคริปโต

0
อนาคตของคริปโตเคอเรนซี่

การลงทุนทั่วไปที่ว่ามีความเสี่ยงอยู่แล้วยังถือว่าเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ไปเลย เมื่อมาเจอวงการคริปโตเข้าไป เพราะตลาดนี้มีความเสี่ยง “สู๊งงงงงงงงงงง” (เติม ง. งู ไปอีกแปดล้านตัว) แม้แต่ผู้ที่เก๋าเกมส์ในวงการหลายคนก็เลือดออกซิบ ๆ มาหลายรายแล้วเหมือนกัน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงให้ต่ำลงอีกนิด ไปดูเทคนิคในการเลือกเงินคริปโตกันดีกว่า ว่าจะเลือกลงทุนในตัวไหนดี

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน”

1. เลือกเหรียญที่อยู่มานาน

เหมือนการซื้อของจากที่ใดที่หนึ่งแหละครับ จ้าวไหนที่อยู่ในตลาดมานานย่อมมีความน่าเชื่อถือเป็นธรรมดา เงินคริปโตก็ไม่ต่างกัน ผู้เล่นรายแรก ๆ ในตลาด เช่น Bitcoin, Ethereum, Monero, Litecoin, Dash เป็นต้น แต่ข้อเสียของเหรียญพวกนี้คือส่วนมากจะราคาแพง เพราะเริ่มผลิตออกมาน้อย อยู่มานานคนรู้จักเยอะ ทำให้มีคนเก็งกำไรกันเยอะ

2. เลือกเหรียญอันดับต้น ๆ

เงินคริปโตในโลกนี้นับถึงปี 2021 มีอยู่ประมาณ 5,000 กว่าสกุลเงิน ถามว่ามีอะไรแตกต่างกันมั้ย ก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกเหรียญจะแตกต่างกันหมด บางเหรียญเกิดมาเพื่อหลอกเอาเงินจากนักลงทุน เมื่อได้เงินแล้วก็หนี (รวยแล้วนี่ จะอยู่ทำไม) อย่างเช่น Bit Connect … เป็นต้น

เลือกเหรียญอันดับต้น ๆ

การเลือกเหรียญที่ติดอันดับต้น ๆ ก็เป็นทางออกนึงที่ลดความเสี่ยงได้บ้าง เพราะการที่ติดอันดับขึ้นมาชนะสกุลเงินอื่น ๆ อีกหลายพัน ก็ถือว่าไม่ธรรมดา ลองดูรายการเหรียญได้จากเว็บ https://www.coinmarketcap.com เว็บนี้เป็นรายใหญ่ที่สุดที่รวบรวมสกุลเงินคริปโตเอาไว้แล้วล่ะครับ

3. เลือกเหรียญที่มีตลาดซื้อขายเยอะ

เหรียญที่มีตลาดเยอะ

นอกจากเลือกเหรียญที่เป็นตัวเล่นหลักอยู่อันดับต้น ๆ แล้ว บางทีอาจจะไม่พอก็ได้ เราควรเอาปัจจัยความยากง่ายมาเป็นเกณฑ์ในการวัดด้วยก็ดี ยิ่งถ้าเราจะแลกเป็นเงินบาทด้วย เพื่อความสะดวกที่สุดก็ให้เลือกเหรียญที่รองรับในตลาดซื้อขายของประเทศไทย แล้วยิ่งตลาดซื้อขายในไทยส่วนมากจะต้องจัดตั้งภายในกฎหมายที่ควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัด มันทำให้มีความน่าเชื่อถือขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ว่าจะโดนเชิดเงินหนีได้ง่าย ๆ

4. เลือกเหรียญที่อัตราการแลกเปลี่ยนรายวันสูง

เงินคริปโตที่มี volume สูง

ถ้าเลือกเหรียญที่ติดอันดับต้น ๆ แล้ว ข้อนี้อาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะอัตราการซื้อขายรายวันมันมีมูลค่าสูงมากมายอยู่แล้ว แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเลือกซื้อเหรียญทางเลือก อันดับไม่สูงมาก อาจจะอยู่ที่หลักหลายร้อย หรือหลักพัน เหรียญพวกนี้บางเหรียญก็มีอนาคตไกล เพียงแต่คนยังรู้จักน้อยเท่านั้นเอง

ให้เลือกดูว่าเหรียญไหนมีการซื้อขายรายวันเป็นจำนวนที่สูง มันต้องมีของดีอะไรบ้างล่ะที่ทีมพัฒนายังไม่ปล่อยออกมา ไม่งั้นจะมีคนมาซื้อเยอะ ๆ ทำไม

ตัวอย่างเหรียญที่อันดับไม่สูง แต่ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ Volume แต่ละวันเยอะมาก >> ETHO Protocol

5. ถ้าเป็นเหรียญใหม่ให้ดู Roadmap ของโครงการประกอบ

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในตลาดนี้มาได้สักพักแล้ว อยากจะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นนิดหน่อย อยากลองลงไปเล่นกับสกุลเงินใหม่ ๆ บ้าง วิธีที่ดีที่สุดในการเลือกเหรียญใหม่ ๆ คือ อ่านรายละเอียดที่ลงในเว็บไซต์ให้ละเอียดที่สุด ลองคุยดูในห้องแชตว่าทีมพัฒนามีการโต้ตอบมากน้อยขนาดไหน และสิ่งที่สำคัญก็คือ Roadmap ของโครงการต้องชัดเจน ดูกันไปยาว ๆ สักสองสามปีเลยก็ดี ถ้ามีข้อมูลให้


ทั้งหมดก็เป็นเทคนิคการเลือกเหรียญที่จะลงทุนของผมเองนะครับ ไม่มีผิดมีถูก เหมือนการเล่นหุ้นน่ะแหละ แต่ด้วยความที่เจ็บตัวในตลาดนี้มาหนักมาก จึงทำให้รู้ว่าวิธีไหนที่ช่วยเซฟให้เลือดซิบน้อยที่สุดนั่นเอง

ETHO Protocol เงินดิจิตอลที่เติบโตมากกว่า 1,000% ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน

1

เงินคริปโต Ether-1 เป็นเงินเหรียญทางเลือกที่พัฒนาแบบเงียบ ๆ มีขึ้นมีลงมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่เริ่มพัฒนา จนเริ่มเข้าปี 2021 ก็เป็นอีกเหรียญนึงที่มีการเจริญเติบโตแบบพรวดพราดมากกว่า 1,000% ในช่วงเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ท่ามกลางการล้มหายตายจากของเงินคริปโตตัวอื่นอีกหลาย ๆ ตัว ลองไปวิเคราะห์กันแบบบ้าน ๆ กันดูดีกว่าว่าเงินสกุลนี้มีข้อดีอะไร ทำไมเติบโตได้เร็วแบบนี้

** ETHO Protocol เดิมคือเหรียญ Ether-1 (ETHO) แต่ได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อป้องกันการสับสนระหว่าง Ethereum **

ข้อมูลเบื้องต้นของ ETHO Protocol

  • ETHO Protocol ใช้ตัวย่อ ETHO
  • Genesis Block วันที่ 23-05-2018
  • Code base พัฒนาต่อยอดมาจาก Ethereum
  • รองรับการขุดด้วยการ์ดจอ และ Proof of Stake
  • ไม่มี Maximum ของเหรียญ แต่เหรียญจะค่อย ๆ ผลิตออกมาน้อยลงเรื่อย ๆ จนถึงประมาณปี 2026 ก็จะไม่มีเหรียญ ETHO ผลิตออกมาแล้ว การจะได้มาในช่วงนั้นก็จะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น
  • ถึงแม้ไม่มี Maximum แต่ตามการประมาณการคาดว่าเหรียญจะมีจำนวนสูงสุดอยู่ประมาณ 70 ล้านเหรียญ
  • วางตัวเองไว้ว่า “Decentralize Everything’s” คือ ข้อมูลทุกอย่างที่วิ่งอยู่บนเครือข่ายนี้จะกระจายไปรวมเอาไว้ตาม Node ต่าง ๆ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

การนำ ETHO มาใช้งานจริง

ETHO Protocol วางตัวเองเป็น Decentralize Solution โดยการนำเทคโนโลยี Blockchain และ IPFS Protocol มาผสมผสานกัน ทำให้เห็นการนำเหรียญตัวนี้มาใช้งานเป็นรูปธรรม ซึ่ง Solution แรกที่ทีมพัฒนาได้เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเลยเรียกว่า ethoFS

ethoFS เป็น Solution การจัดเก็บ File สำหรับ Web Server โดย Concept ก็คือการนำไฟล์ต่าง ๆ อัพโหลดมาเก็บไว้ในเครือข่ายของ ETHO แล้วก็จ่ายค่าบริการเป็นเหรียญ ETHO นั่นเอง เมื่อ Solution ออกมาแบบนี้จึงทำให้มีความต้องการใช้งานเหรียญตัวนี้ขึ้นมา มูลค่าของมันจึงเกิดขึ้น จุดนี้แหละที่ทำให้เห็นว่าเป็นเหรียญที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการใช้งานจริง ไม่ใช่สร้างตามกระแสเหรียญอื่น ๆ โดยที่ไม่มีสินค้าอะไรสามารถจับต้องได้เลย

ถึงแม้ว่าการใช้งาน ethoFS ตอนนี้ จะเป็นการใช้งานเฉพาะกลุ่มเล็ก ๆ ที่เข้าใจเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหลัก แต่ในอนาคตอันใกล้นั้น ทีมงานพัฒนาเองก็น่าจะมีการพัฒนาให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจจะเห็นโซลูชั่นการแชร์ไฟล์เหมือนพวก Dropbox ออกมาจากทีมงาน ETHO ก็ได้

Business Model ของ ETHO

ETHO Protocol

อย่างที่ได้บอกไปช่วงต้นว่า การผลิตเหรียญ ETHO ออกมาในระบบจะน้อยลงเรื่อย ๆ จนถึง Block ที่ 20 ล้าน (ประมาณกลาง ๆ ปี 2026) ก็จะหยุดผลิต ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะมีเหรียญ ETHO วิ่งอยู่ในระบบประมาณ 70 ล้าน ETHO และจะเปลี่ยนการจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบของ Revenue Sharing หมายถึงว่า ยิ่งมีคนใช้งานมาก ใครที่ตั้ง Node เอาไว้ก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมามาก


น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับอนาคตของ ETHO Protocol น่าจะซื้อเก็บไว้อีกเหรียญนึง เพราะในตอนนี้ราคาก็ยังไม่แรงมาก ถ้าถึงวันที่เหรียญไม่ผลิตออกมาแล้ว ราคาพุ่งไปเหมือน Ethereum ล่ะก็ ถึงตอนนั้นก็เกษียณเอาเงินออกเที่ยวกันได้เลย

ข้อมูลเพิ่มเติมหาอ่านได้ที่เว็บไซต์ https://www.ether-1.org

3 วิธีสร้างรายได้จากเกมออนไลน์

0
Gamers using different devices and playing on mobile phone, tablet, laptop, console. People enjoying VR 3G games. Vector illustration for cross play, game hardware concepts

อะไรคือสิ่งที่จะสร้างความสุขเมื่ออยู่ที่บ้านได้ แน่นอนว่าการเล่นเกมออนไลน์เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย เช่น ความท้าทายที่จะต้องผ่านด่านในเกม ความสนุกสนานจากภาพ กราฟฟิกที่มาพร้อมกับเกม รวมไปถึงแต้มสะสมที่สามารถพบได้ในเกม ทั้งหมดนี้เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกมเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การเล่นเกมในปัจจุบันนี้มีหลากหลายวิธีที่สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุนที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แม้อยู่ที่บ้าน ไม่เพียงแต่สามารถเลือกเป็นรายได้เสริมที่สามารถทำได้จริงเท่านั้น แต่พบว่าในผู้เล่นบางท่านมีการเล่นเกมเป็นมืออาชีพเช่น อีสปอร์ต โป๊กเกอร์ และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ตนเองได้อย่างมหาศาล 

รวม 3 วิธีสร้างรายได้จากการเล่นเกมออนไลน์

การเล่นเกมเป็นวิธีที่สนุกและเข้าถึงง่ายอีกทั้งยังสามารถเล่นได้ทุกวัย เพราะในแต่ละเกมจะมีการพัฒนาที่ตอบโจทย์ผู้เล่นที่แตกต่างกัน ในการใช้เวลาเล่นเกมมีข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือการส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและพัฒนาทักษะสำหรับผู้เล่นเองซึ่งในปัจจุบัน การเล่นเกมยังสามารถช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้เล่นได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

1. เล่นเกมที่มีโบนัส

ด้วยความสะดวกของโลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทำให้สามารถเข้าถึงรูปแบบเกมที่หลากหลายได้ เช่น เว็บคาสิโนออนไลน์ w88 ที่มีการบริการเกมที่หลากหลาย สำหรับการสมัครเป็นสมาชิกครั้งแรกสามารถรับโบนัสจากการลงทะเบียนครั้งแรกได้ โดยมีหลากหลายตัวเลือกและรองรับเกมที่หลากหลายได้แก่

  • กีฬา ตัวเลือกหลากหลายพร้อมโบนัสสำหรับผู้เล่นใหม่ เช่น กีฬาแบบเอเชียนแฮนดิแคปสามรถ หรือ v-SPORTS 1 สามารถเดิมพัน ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, เทนนิส, แข่งม้าหรือแข่งสุนัข ในระบบ 3D อนิเมชั่นได้ตลอด 24 ชม
  • Fantasy สุดยอดเกมแฟนตาซี พรีเมียร์ลีกรางวัลรวมทั้งหมดคือ 9,250,000 บาท ที่สามารถร่วมสนุกได้ง่าย ๆ เพียงเลือกนักเตะอย่างน้อย 15 คนเพื่อสร้างทีม โดยมี ผู้รักษาประตู 2 คน, กองหลัง 5 คน, กองกลาง 5 คน และ กองหน้า 3 คน จากนั้นสามารถเลือกนักเตะจากทีมเดียวกันได้สูงสุด 3 คน โดยผู้แข่งขันจะได้รับงบประมาณ 100 ล้านเพื่อสร้างทีมของตนเอง เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสรับเงินรางวัลจำนวนมากเช่นนี้ได้
  • คาสิโนสด คาสิโนสุดหรู กับมุมมองแบบใหม่แบบภาพยนตร์ที่สามารถเห็นภาพได้หลายมุม ที่จะเป็นความตื่นเต้นและระทึกใจแก่ผู้เล่น ให้บริการเกมด้วยดีลเลอร์สาวสวยที่พร้อมบริการแก่ผู้เล่นด้วยคุณภาพสูงสุด ซึ่งแต่ละท่านจะมีการฝึกฝนการบริการมาอย่างดี จึงเป็นอีกความบันเทิงที่จะสร้างประสบการณ์การเล่นเกมในรูปแบบใหม่และยังสามารถรับรายได้จากการเล่นเกมได้อีกด้วย
  • สล็อต ทุกเกมที่ได้รับการคัดสรรและพัฒนาจากผู้ให้บริการเกมมืออาชีพ เช่น Microgaming Booongo Anakatech Genesis และอีกมากมาย โดยผู้ให้บริการเหล่านี้คือนักพัฒนาซอฟท์แวร์เกมมืออาชีพและเข้าใจดีว่าผู้เล่นต้องการการเล่นเกมในรูปแบบใด สำหรับการเลือกเล่นเกมสล็อตที่มีโอกาสกาสการสร้างรายได้ที่สูงนั้นควรเลือกเล่นเกมที่มี RTP หรืออัตราการจ่ายเงินให้แก่ผู้เล่นสูง อีกทั้งเมื่อเล่นเกมอย่างมีความชำนาญมากขึ้นแล้ว ก็สามารถเลือกเล่นสล็อตโปรแกรสซีฟที่จะมีรางวัลการสปินสูงมากกว่าหลายเท่าตัว
  • ล็อตเตอรี่ ตอบโจทย์ความต้องการได้หลากหลายรูปแบบ เช่น หวย GPI เป็นการลุ้นโชคกับหวยรูปแบบใหม่ กับการออกรางวัลที่ฉับไวและอัตราการจ่ายที่สูงที่สุด SO DE หวยเวียดนาม เล่นง่าย ๆ ในหลากหลาย รูปแบบการเดิมพัน โอกาสถูกเงินรางวัลสูง และอีกหลายตัวเลือกที่ให้ร่วมสนุกได้ไม่อั้น 
  • P2P หากการเล่นเกมคนเดียวไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป การเล่นเกมกับผู้เล่นอื่นแบบเรียลไทม์อย่างการเล่นแบบ P2P ด้วยเกมที่คุณชื่นชอบเช่น ไพ่เซียนเวียดนาม ป๊อกเด้ง สลาฟ โป๊กเกอร์ เป็นต้น ข้อดีคือสามารถเล่นได้กับผู้เล่นทั่วโลกเนื่องจากเป็นการเล่นผ่านอินเทอร์เน็ต อีกทั้งเมื่อชนะในแต่ละเกมก็จะมีเงินรางวัลจำนวนมากขึ้นด้วย

Where Curiosity Meets Creativity

2.เล่นเกมสะสมแต้ม

ในแต่ละเกมมักจะมีกิจกรรมการแข่งขันที่ให้ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมสนุกได้โดยตรง ซึ่งมักมาในรูปแบบการสะสสมแต้มเพื่อและรับของรางวัล แม้ว่าในส่วนนี้จะไม่ใช่รูปแบบของเงินสดที่จะได้รับ แต่โดยส่วนมากเป็นของรางวัลที่มีมูลค่าสูงเช่น โทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต ไอแพด สินค้าไลฟ์สไตล์หรูหราอย่างกระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงสามารถแลกเป็นเงินเดิมพันฟรีเพื่อนำมาต่อยอดในการเล่นเกมได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่คุ้มค่าและน่าสนใจ 

โดยวิธีการรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ นี้คือการเล่นวางเดิมพันและสะสมแต้มเพื่อให้ครบตามของรางวัลที่แสดงในหน้าการแลกผลิตภัณฑ์ เมื่อการสะสมแต้มเป็นไปตามที่เว็บไซต์แจ้งไว้ก็สามารถและรับของรางวัลได้เลย อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขที่สำคัญก่อนการแลกคะแนนเพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการจะเป็นไปอย่างถูกต้อง 

3. ไลฟ์เกมสด

หลากหลายแพลตฟอร์มที่สามารถเป็นช่องทางการหารายได้เสริมได้ เช่น การไลฟ์เกมสดผ่านเฟซบุ๊ก  ยูทูป ซึ่งแต่ละช่องทางจะเป็นการสร้างรายได้ที่แตกต่างกัน สำหรับเฟซบุ๊คนั้นผู้ที่กำลังรับชมสามารถรับดาวที่เป็นตัวแทนของเงินสดได้ หรือแม้กระทั่งโพสต์ที่มียอดชมสูงก็สามารถรับรายได้จากโฆษณาและสปอนเซอร์ต่างๆได้ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่การไลฟ์ผ่านช่องทางยูทูปจะสามารถเปิดรายได้เมื่อมีผู้ติดตามและยอดชมที่สูง เมื่อยอดดังกล่าวครบตามกำหนดก็สามารถรับรายได้เสริมได้ตลอดเวลา 


แม้ว่าการเล่นเกมออนไลน์ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างทักษะในด้านต่างๆแก่ผู้เล่นอีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้อีกช่องทางได้ อย่างไรก็ตามการเล่นเกมอย่างพอประมาณและใส่ใจสุขภาพถือเป็นเรื่องที่ควรทำ ซึ่งข้อปฏิบัติที่พึงกระทำได้แก่ เล่นเกมอย่างมีขอบเขตด้วยการจำกัดเวลาการไม่ควรเกิน 2-3 ชั่วโมงต่อวัน การพักสายตาระหว่างการเล่นเกม ไม่จดจ่อกับหน้าจอมากเกินไป รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้จะทำให้สามารถการใช้ชีวิตประจำวันและการสร้างรายได้เกิดความสมดุลกันได้อย่างแน่นอน

การเปลี่ยนวัน เวลา บน Windows Server 2016

0
Windows Server Logo

หลังจากติดตั้ง Windows Server 2016 เสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ผมจะทำเสมอคือการตั้งค่าวันและเวลาให้ถูกต้องตามโซนที่เราอาศัย เพื่อป้องกันการลืมและการทำงานของโปรแกรมอื่น ๆ ผิดเพี้ยน ไปดูขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงและตั้งค่าวันเวลาทั้งแบบกราฟฟิคและแบบ Power Shell กันครับ

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 แบบกราฟฟิค

เริ่มต้นกันด้วยวิธีที่ง่ายสุดก่อนเลย ให้คลิกขวาที่เวลาตรงมุมขวาล่างของหน้าจอแล้วเลือก Adjust date/time

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 แบบกราฟฟิค

หน้าต่างการตั้งค่าถัดมาเราจะสามารถแก้ไข เลือกเวลาและ time zone ที่เราอยู่ได้ ง่าย ๆ เนอะวิธีนี้ไม่ต้องแนะนำอะไรมาก ดูตามภาพเลยครับ

Where Curiosity Meets Creativity

หรือถ้าใครไม่ถนัดแบบนี้บน Windows Server ก็สามารถคลิกไปตั้งค่าได้อีกเส้นทางนึง จากหน้าจอ Server Manager ที่มักจะเด้งขึ้นมาตอนเปิดเครื่อง ให้คลิกที่ Local Server จะเห็น Option ให้คลิกต่อตรง Time Zone ก็จะมีหน้าจอการตั้งค่าขึ้นมาเรือย ๆ ให้คลิกแก้ไขตามที่เราจะดำเนินการได้เลย

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 แบบกราฟฟิค

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Command Line

การตั้งค่าต่าง ๆ ด้วย Command Line มักใช้กับ Windows Server ที่ติดตั้งแบบ Server Core (คือ ไม่มีหน้าจอกราฟฟิคให้แก้ไข มีเพียงหน้า Command ดำ ๆ คล้าย Linux)

พิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้

Control timedate.cpl

หลังจากนั้นจะขึ้นหน้าจอแบบกราฟฟิคมาให้ตั้งค่า

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Command Line

หากต้องการแสดงวันที่ และเวลาปัจจุบัน ใช้คำสั่งด้านล่างนี้

Date /t

Time /t

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Command Line

แต่ถ้าต้องการตั้งเวลาใหม่ด้วย command line เลย ให้พิมพ์คำสั่งดังนี้ (เมื่อพิมพ์คำสั่งแล้ว กด Enter ระบบจะให้เราใส่ข้อมูลใหม่ที่ต้องการ)

Date  << เพื่อตั้งวันที่ใหม่

Time << เพื่อตั้งเวลาใหม่

แต่บน command prompt ก็มีคำสั่ง tzutil ที่ช่วยตั้งค่าวันเวลาได้อีกด้วย

หากต้องการแสดง time zone ปัจจุบัน

Tzutil /g

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Command Line

หากต้องการแสดง time zone ทั้งหมด

Tzutil /l

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Command Line

หากต้องการแก้ไข time zone ด้วย tzutil ให้นำ time zone ที่เราได้ลิสต์ก่อนหน้ามาใส่ในคำสั่งดังนี้

Tzutil /s “SE Asia Standard Time”

แต่การแก้ไขด้วย command prompt ยังไม่จบเท่านี้นะครับ เราต้อง confirm ดูใน registry ดูอีกทีว่าข้อมูลอัพเดตรึเปล่า ใช้คำสั่งข้างล่างนี้

reg query HKLM\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\TimeZoneInformation

Where Curiosity Meets Creativity

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Power Shell

ยังไม่หมดนะครับ บอกแล้วว่ามีหลาย option ไปดูวิธีการแก้ไขด้วย Power Shell กันบ้าง

คำสั่งสำหรับแสดงวันเวลาปัจจุบัน

 Get-Date

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Power Shell

การตั้งค่าวันที่และเวลาใหม่ ก็ทำได้ง่าย ๆ ผ่านคำสั่งนี้

Set-Date -Date “06-06-2017 14:45”

หรือจะใช้คำสั่ง Set-Date เฉย ๆ ก็ได้นะ เวลาพิมพ์คำสั่งนี้ไปแล้ว หน้าจอจะขึ้น prompt ให้เราใส่วันเวลาใหม่เข้าไปทีหลัง

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Power Shell

ถ้าต้องการดู Time Zone ที่ใช้งานอยู่

Get-TimeZone

การตั้งค่าวัน เวลา บน Windows 2016 ด้วย Power Shell

ถ้าต้องการดู Time Zone ทั้งหมด

Get-TimeZone -ListAvailable

Where Curiosity Meets Creativity

ถ้าต้องการแก้ไข Time Zone

Set-TimeZone -Name “SE Asia Standard Time”

Ether-1 (ETHO) เหรียญคริปโตทางเลือกที่น่าลงทุน

0

ก่อนที่จะแนะนำเหรียญคริปโตตัวนี้ ผมเองได้ศึกษาในเชิงเทคนิคและพูดคุยอยู่ในกลุ่มของนักพัฒนาเหรียญนี้นานพอสมควร นับตั้งแต่เปิดตัวเหรียญช่วงราว ๆ ปี 2018 เมื่อมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าเหรียญตัวนี้น่าจะมีอนาคตที่สดใสพอสมควร จึงเป็นที่มาของบทความนี้ในวันนี้

ข้อควรทราบ
การลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ มีความเสี่ยงสูงมากกกกก …. ไม่พร้อมหรือไม่แกร่งพอ อย่าเข้ามาตลาดนี้นะครับ

Ether-1 คืออะไร

Ether-1 เป็นเหรียญคริปโตทางเลือก ที่ใช้ Source Code เดียวกับ Ethereum โดยนำมาพัฒนาต่อยอดไปในแนวทางของตัวเอง และไม่อิง Blockchain เดิมของ Ethereum นั่นก็คือเริ่มต้นเหรียญตั้งแต่ 0 นั่นเอง

“Decentralized Everything” เป็นนิยามของเหรียญตัวนี้ คอนเซ็บต์ของเค้าคือจะทำหน้าที่เป็น Hosting เคยให้บริการไฟล์ต่าง ๆ ถ้าใครยังมองภาพไม่ออก ก็อย่างพวก Google Drive, Dropbox พวกนั้นน่ะแหละครับ โดยเค้าออกแบบให้มี Master Node, Service Node และ Gateway Node ที่ทำหน้าที่คอยเก็บไฟล์เหล่านี้ กระจาย ๆ กันไป ส่วนคนที่อยากเก็บไฟล์ด้วย Ether-1 ก็ต้องมีเหรียญตัวนี้ในการจ่ายค่าบริการ ซึ่งแนวคิดแบบนี้แหละ ที่ทำให้เหรียญมีมูลค่าขึ้นมา

สำหรับ Node ที่พูดถึงในตอนต้นนั้นจะมี Master Node, Service Node และ Gateway Node มันคือเครื่อง Server ที่ลงโปรแกรมของ Ether-1 เอาไว้ ทำหน้าที่คอยยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่เคลื่อนไหวอยู่ในระบบของ Ether-1 ซึ่งใครก็ได้สามารถทำหน้าที่เป็น Node เหล่านี้ โดยมีเงื่อนไขเพียงแค่ถือเหรียญ Ether-1 เอาไว้ขั้นต่ำตามที่ระบบต้องการ และต้องมี Server ที่จะเปิดทำงานตลอดเวลาได้ด้วย

Roadmap ของ Ether-1

ในปี 2021 นี้ อนาคตของเหรียญคริปโตหลาย ๆ ตัวกลับมาสดใสอีกครั้ง ราคาพุ่งกระฉูด ไม่รู้จะทะลุไปถึงเพดานชั้นไหน Ether-1 เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และเมื่อมีการเติบโต ทีมงานเองก็มีเงินทุนเพิ่มมากขึ้นในการพัฒนาโปรเจคส์ต่อไป จึงได้มี Roadmap ออกมาใหม่

Where Curiosity Meets Creativity

อยากมีเหรียญ Ether-1 ต้องทำยังงัยบ้าง

ขุด

Ether-1 ยังรองรับวิธีการขุดแบบดั้งเดิมอยู่ โดยการขุดจะต้องใช้การ์ดจอเหมือนกับการขุด Ethereum ใครที่ขุด Ethereum อยู่แล้ว ก็เปลี่ยนมาขุดเหรียญนี้แทนได้ สำหรับผมแล้วจะไม่ชอบการขุดแล้ว เพราะค่าดูแลค่อนข้างเยอะ แถมเปลืองไฟอย่างมาก อีกอย่างตาม Roadmap ของ Ether-1 นั้น จะจ่ายผลตอบแทนให้กับนักขุดน้อยลงเรื่อย ๆ

ตั้ง Node

Node ของ Ether-1 มีทั้งหมด 3 ประเภท มีรายละเอียด ดังนี้

Gateway Node

ทำหน้าที่เป็นตัวจัดเก็บข้อมูลและ Gateway ในการขนย้ายข้อมูลในเครือข่ายของ Ether-1 ทั้งหมด  หรือง่าย ๆ ก็คือ รวมทุกฟังก์ชั่นของ Node อันอื่นน่ะแหละ จะได้ผลตอบแทนเยอะสุด แต่ Requirement ก็เยอะกว่าตัวอื่นเหมือนกัน

  • เหรียญที่ต้องการ 30,000 ETHO
  • Storage 80GB
  • Memory 4 GB
  • CentOS or Ubuntu
  • 1 Public IP

Master Node

ทำหน้าที่เป็น Storage ของเครือข่าย ความต้องการขั้นต่ำของระบบมีดังนี้

  • เหรียญที่ต้องการ 15,000 ETHO
  • Storage 40GB
  • Memory 2 GB
  • CentOS or Ubuntu
  • 1 Public IP

Service Node

ทำหน้าที่เป็น Gateway รับส่งข้อมูลภายในเครือข่ายทั้งหมด ความต้องการของระบบมีดังนี้

  • เหรียญที่ต้องการ 5,000 ETHO
  • Storage 20GB
  • Memory 1 GB
  • CentOS or Ubuntu
  • 1 Public IP

** สำหรับใครที่ต้องการทราบวิธีการติดตั้ง Node เพิ่มเติม ให้อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ How to : การติดตั้ง Ether-1 (ETHO) Masternode **

ซื้อจากเว็บไซต์ซื้อขาย

อันนี้ง่ายสุด ใครไม่อยากวุ่นวายก็หาซื้อเหรียญ Ether-1 มาเก็บไว้เลยเอาตามงบประมาณและความสะดวก เพราะมี Exchange รองรับจำนวนมากพอสมควร เช่น

  • STEX
  • Probit

และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตครับ

ผลตอบแทนของเหรียญ Ether-1

ส่วนของผลตอบแทนนั้น เราจะไม่ลงรายละเอียดของตัวเงิน เพราะในตลาดคริปโตทุกตัว มันตีเป็นเงินยาก ราคาของมันกระโดดขึ้นลงรุนแรงอยู่ตลอด แต่เราจะไปเน้นตรงสัดส่วนผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาเป็นเหรียญแต่ละตัว

ทีมงานพัฒนาได้แบ่งสัดส่วนของผลตอบแทนเหรียญ Ether-1 ไว้ตามนี้

Where Curiosity Meets Creativity

เนื่องจากผมขุดเหรียญนี้ในสมัยแรก ๆ และไม่ได้ไปสายขุดอีกเลยทำให้จำไม่ได้ว่าการขุดได้รับผลตอบแทนแต่ละวันเท่าไหร่ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย แต่ผมได้ตั้ง Gateway Node และ Master Node เอาไว้ ในแต่ละวันผมจะได้รับเหรียญ Ether-1 ประมาณนี้ครับ

Gateway Node = 14.xx Ether-1

Master Node = 7.xx Ether-1

เมื่อนำจำนวนเหรียญที่ได้รับแต่ละวันที่ประมาณ 21 Ether-1 คูณด้วยมูลค่าที่ 0.08 USD เท่ากับว่าจะได้เงินประมาณ วันละ 1.68 USD หรือ ราว ๆ 50 บาท

อาจจะดูว่าเป็นเงินที่น้อยมาก ๆ แต่อย่าลืมนะครับว่า ตัวแปรสำคัญอีกตัวก็คือ มูลค่าของเหรียญ ถ้าวันนึงมันพุ่งไปสักเหรียญละ 10 USD ก็ลองคูณกันดูว่า เป็นเงินเท่าไหร่

** สัดส่วนนี้ใช้อ้างอิงในช่วงปี 2021 เพราะหลังจากนี้ไปเรื่อย ๆ เหรียญคริปโตทุกเหรียญ จะผลิตเหรียญน้องลงเรื่อย ๆ ตามการออกแบบตั้งแต่แรก เพื่อป้องกันเหรียญล้นตลาด นั่นหมายความว่า ถัดไปประมาณ 5 ปี ผมอาจจะได้ผลตอบแทนแค่วันละ 1 Ether-1 ก็ได้ **

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม


ผมว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบเสี่ยงแบบผม ในการลงทุนกับเหรียญทางเลือก โดยเริ่มจับจองและหามาไว้ครอบครองตั้งแต่ราคาถูก โดยใช้สถิติย้อนหลังนิดหน่อยเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกเหรียญ จับพลัดจับผลูเหรียญอาจจะเติบโตได้ไกล ราคาพุ่งทะลุเหมือนเหรียญหลักอื่น ๆ เราอาจจะเป็นเศรษฐีโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ

4 แนวทางออมเงินตามแบบฉบับของคนรายได้น้อย

0
ออมเงิน
ออมเงิน

ผมเชื่อว่ามีหลายตำรา หลายคน ที่คอยบอกเราเสมอ ๆ ว่าให้แบ่งรายรับส่วนหนึ่งเป็นเงินออม จะ 10% บ้าง 20% บ้าง ก็แล้วแต่ว่าสูตรของใคร แต่นั่นมันก็ใช้ไม่ได้กับทุกคน เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนในประเทศไทยเรานี้เป็นคนที่มีรายได้น้อย ลำพังเงินเดือนแต่ละเดือนก็แทบจะเจียดมาออมไม่ได้แล้ว จะเอาเงินที่ไหนขนาดนั้นมาออมได้อีกล่ะ

ในที่นี้เราจะไม่พูดถึงจำนวนเงินที่จะใช้ในการออมนะครับ แต่เราจะพูดถึงแนวทางที่จะทำให้เราออมเงินได้ ถึงแม้ว่าเราจะมีรายได้น้อย แต่ผมเชื่อว่าหลัก 10 บาท 20 บาท มันน่าจะเจียดออกมาเป็นเงินออมให้เราได้ อย่าลืมนะครับ เก็บไปเรื่อย ๆ ทีละ 20 บาท นานวันเข้าก็เติบโตขึ้นเป็นหลักพันบาทได้ และเงินหลักพันบาทนี่ก็กินข้าวได้หลายวันนะ

1. ตัดเงินออมอัตโนมัติ

สำหรับคนที่มีเงินเดือนประจำ ให้หักดิบตัวเองไว้เลยว่าเงินเดือนออกก็ให้ธนาคารตัดเงินออมให้อัตโนมัติเลย จะเอาไว้ในบัญชีเงินออม หรือบัญชีกองทุนอะไรก็แล้วแต่ ตัดออกไปในสัดส่วนที่เราสามารถออมได้ ไหวเท่าไหร่เอาเท่านั้น สำหรับผมเวลาเอาเงินเดือนมาวางแผนเป็นค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน จะไม่เอาเงินเดือนเต็ม ๆ มาคิดนะ แต่จะเอาเงินก้อนที่เหลือจากหักเงินออมแล้วมาคำนวน เช่น

เงินเดือน 20,000 บาท

ออม 2,000 บาท

เหลือเงินที่จะเอามาวางแผนใช้จริง 18,000 บาท

2. ไม่มีเงินก้อนก็ออมเป็นเหรียญได้

อีกแบบที่ยอดฮิตตั้งแต่วัยเด็กเลยก็คือ “ออมเงินเหรียญ” ซึ่งก็ยังเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากจะหักเงินเดือนบางส่วนไว้เป็นเงินออมแล้ว ในรายจ่ายแต่ละวัน บางทีได้เงินทอนที่เป็นเหรียญกลับมา ก็จะเอาเงินส่วนนั้นเป็นเงินออม แต่ผมจะเลือกเก็บเฉพาะเหรียญห้าบาทกับเหรียญสิบบาท เอาใส่กระปุกหมูที่แกะไม่ได้ ไม่เอากระปุกใหญ่มากนะ เพราะมันจะไม่เต็มสักที แล้วปีนึงก็จะมาทุบกระปุกอันนั้นทีนึง … เป็นเล่นไปนะครับ ปีนึงก็ได้เป็นหมื่นเหมือนกันเด้อ

3. ออมตามวันที่และเลขท้าย

สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่มีเงินที่จะแบ่งสัดส่วนในการออมจริง ๆ จะลองวิธีนี้ก็ได้ครับ หยอดกระปุกตามวันที่แต่ละวันไปเลย วันที่ 1 ก็ใส่บาทเดียวพอ หยอดไปทุกวัน จนถึงวันที่ 30 ก็ใส่ 30 บาท แต่ให้พิเศษหน่อย คือเดือนนึงหวยออกสองรอบใช่มะ ก็เลือกหยอดเพิ่มตามเลขรางวัลที่ออก จะเป็นเลขท้าย 2 ตัว หรือ เลขท้าย 3 ตัว เอาตามที่เราสะดวก เดือนนึงบางทีก็เหยียบพันเหมือนกันนะครับ

4. ออมในรูปแบบอื่น ๆ

การออมแบบนี้ก็จะแอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย เหมาะสำหรับคนที่สามารถบริหารรายรับแต่ละเดือนและแบ่งออกมาเป็นสัดส่วนในการออมได้แล้ว แต่ต้องการให้เงินออมงอกเงยขึ้นอีก เพราะการที่เราออมเงินเก็บไว้เฉย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรกับมัน นาน ๆ ไปมูลค่าของเงินเราจะน้อยลงตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่สำหรับผมชอบวิธีนี้เพราะเป็นการบังคับตัวเองได้ดีมาก เนื่องจากบางทีการเก็บเงินไว้กับตัวเอง มันหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ เดี๋ยวอยากได้นู่นอยากกินนี่ อยู่ตลอด

กองทุนรวม

คือการเอาเงินของเราไปให้มืออาชีพเค้าบริหารจัดการให้งอกเงย ในส่วนของเราก็เปิดบัญชีกองทุนกับธนาคารไหนก็ได้ที่เราสะดวก แล้วก็ทำแบบทดสอบความเสี่ยงสักหน่อยว่าเรารับมือกับความเสี่ยงได้แค่ไหน หลังจากนั้นก็เอาเงินเข้าบัญชีกองทุน เลือกซื้อกองทุนที่เราชอบ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะซื้อแบบไหนก็ปรึกษาเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ แต่ใครที่เขิน ๆ ไม่กล้าคุย ก็เลือกกองทุนท็อป ๆ ดูผลประกอบการย้อนหลังสัก 5 ปี เอากองที่มีแนวโน้มเติบโตตลอดน่ะแหละครับ ผมเองก็ใช้วิธีนี้แรก ๆ

ประกันชีวิตเน้นการออม

วิธีนี้ก็เข้าใจไม่ยากเลยนะครับ มันก็คือการซื้อประกันน่ะแหละ แต่ให้เน้นกรมธรรม์ที่เป็นเงินออมเป็นหลัก ส่วนมากประกันแบบนี้จะให้เราจ่ายเงินเป็นรายเดือน หรือรายปีก็แล้วแต่ว่ากรมธรรม์ไหนมีให้เลือก หลักเกณฑ์รวม ๆ ก็มักจะให้เราออมเงินไประยะหนึ่ง อาจจะเป็นสิบปี ยี่สิบปี แล้วก็หยุดออม แต่กรมธรรม์ก็ยังคุ้มครองต่อไปอีก เมื่อหมดอายุกรมธรรม์เราก็จะได้เงินต้นเราคืนพร้อมดอกเบี้ย

ก็เป็นเทคนิคการออมของผมตามประสบการณ์แรกเริ่มตั้งแต่เริ่มมีรายได้เลยนะครับ แรก ๆ ก็คิดอยู่แหละออมเงินน้อย ๆ เมื่อไหร่จะรวย แต่เมื่อถึงวัยหนึ่งแล้วคือเราไม่ได้ต้องการออมเพื่อรวย แต่เราออมเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน จำเป็นต้องใช้เงินด่วน ก็ยังสามารถเอาเงินส่วนนี้ออกมาใช้ได้ ดีกว่าไปกู้หนี้ยืมสินเค้ามาครับ


ข้อมูลบางส่วนเพิ่มเติมจากลิงค์นี้ : https://www.ncb.co.th/fin-knowledge/low-income-can-save-money-with-4-money-saving-tips

ภาพประกอบจาก Freepik

เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมชีวิตทุกด้าน

0
เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมชีวิตทุกด้าน

เมื่อสมัยเรายังเด็ก ไม่ว่าใครก็คงเคยดูการ์ตูนแอนนิเมชั่นของญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง นั่นคือ โดราเอมอน ที่โด่งดังไม่มีใครไม่รู้จัก และกลายเป็นการ์ตูนขวัญใจของใครหลายคน ด้วยความน่ารัก ฉลาด และแสนดีของตัวเอกอย่างโดราเอมอน ที่เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนของโนบิตะ จุดเด่นของโดราเอมอนคือกระเป๋าวิเศษที่อยู่ตรงพุง มีสารพัดสิ่งของวิเศษมากมาย ซึ่งในตอนเด็กเราก็คงอยากจะมีเพื่อนอย่างโดราเอมอนหรือมีกระเป๋าวิเศษแบบนี้มาครอบครองกันบ้างแหล่ะ เพราะชีวิตจะได้ง่ายขึ้น สะดวกทุกอย่าง ไม่มีใครมารังแกเราด้วย

เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมชีวิตทุกด้าน

แต่ปัจจุบันถ้าจะให้เทียบกับกระเป๋าวิเศษของโดราเอมอนกับอะไรสักอย่าง ก็คงจะมีสมาร์ทโฟนนี่แหล่ะที่ตอบโจทย์คนยุคนี้ได้มากที่สุด จากโทรศัพท์ที่มีไว้ใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ได้พัฒนากลายมาเป็นรูปแบบที่ล้ำสมัย ยุคนี้หากใครไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน ก็เหมือนกับขาดอะไรที่สำคัญในชีวิตไปสักอย่าง สมาร์ทโฟนได้กลายมาเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการใช้ดำรงชีวิตของคนยุคปัจจุบัน เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสามารถรอบด้าน อำนวยความสะดวกสบายให้การใช้ชีวิตแต่ละวันง่ายขึ้นเหมือนดีดนิ้ว

สมาร์ทโฟนเป็นกล้องถ่ายรูป

สมัยก่อนเวลาจะเดินทางไปเที่ยวไหน จะต้องแบกกล้องถ่ายรูปที่ทั้งหนักและมีขนาดใหญ่ แถมยังเกะกะ แต่มือถือเครื่องเดียว สามารถเก็บรูปพร้อมทั้งรายละเอียดในการเดินทางได้ทุกมุม รวดเร็ว พกพาง่าย มีความจุที่สามารถบันทึกภาพถ่ายมากกว่า 1,000 รูป และยังสามารถแชร์รูปไปหาให้เพื่อนดู โดยอาศัยอินเตอร์เน็ต หากไปสถานที่ไหนแล้วเจอวิวสวยก็สามารถกดถ่ายแล้วส่งต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอส่งข้อมูลภาพถ่ายเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกที

เป็นแผนที่ ช่วยให้ถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น

การเดินทางไปยังที่ที่ไม่รู้จัก หรือค้นหาสถานที่ที่เคยใช้เวลานาน และอาจเกิดความผิดพลาดในเส้นทางได้ แต่ในสมาร์ทโฟนมีโปรแกรมแผนที่ ที่มีตัวช่วยให้สามารถดูได้ทั้งแบบดาวเทียมที่จะมองเห็นภาพของสถานที่จริง ทั้งยังแม่นยำในเรื่องของการคำนวณเวลาในการเดินทาง ทำให้ประหยัดเวลา และลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ เพราะโปรแกรมแผนที่ในมือถือมักจะบอกเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า และเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้เสมอ

เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมชีวิตทุกด้าน

เป็นห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ

คนปัจจุบันนิยมช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยทำรายการผ่านสมาร์ทโฟน เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอนก็รอรับสินค้าที่ส่งตรงถึงมือได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาแต่งตัวออกจากบ้าน วุ่นวายกับปัญหาจราจรรถติดที่หนาแน่น และต่อคิว ปกป้องตัวเองจากมลภาวะ เชื้อโรค แค่มีสมาร์ทโฟนสักเครื่องเป็นสื่อกลาง จบ ครบ ในเครื่องเดียว

คลังความรู้ตลอด 24 ชั่วโมง

คนเราเกิดความสงสัยและกระหายอยากจะค้นหาคำตอบทุกเรื่อง แต่ไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องเดินเข้าห้องสมุด หาซื้อตำรา หรือถามไถ่คนใกล้ตัว ใช้ Smartphone เพียงเครื่องเดียว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนสามารถสืบค้นข้อมูลได้สะดวก และรวดเร็วกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสวยงาม รถยนต์ ออกแบบบ้าน เทคนิคเล่นสล็อต ข้อมูลวิชาการต่าง ๆ และอีกมากมาย ได้ทุกเวลาจริง ๆ

ร้านเกมย่อส่วน

นอกจากจะมีไว้ใช้งานแล้วยังมีประโยชน์ที่จะช่วยสร้างความผ่อนคลายในรูปแบบออนไลน์อย่างเกม หรือคาสิโนออนไลน์ ที่หลายคนชื่นชอบกัน และค่ายเกมหลายค่ายได้ผลิตเกมสนุก ๆ ที่สามารถรองรับการเล่นรูปแบบออนไลน์ไว้ในสมาร์ทโฟนหมดแล้ว เครียดเมื่อไรก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมได้เลย

คาราโอเกะเคลื่อนที่

มนุษย์ขาดเสียงเพลงฉันใด ชีวิตก็ขาดสีสันฉันนั้น แต่มือถือเพียงเครื่องเดียวให้ได้มากกว่านั้น เป็นทั้งดนตรียามเหงา คาราโอเกะแบบส่วนตัว หรือแม้กระทั่งดูคอนเสิร์ตของไอดอลวงโปรดได้ นอกจากจะสะดวกที่จะได้ฟังเพลงได้ทุกที่ทุกเวลา ยังสามารถค้นหาเพลงที่อยากฟังได้รวดเร็วทั้งเพลงไทยและเพลงต่างประเทศ

โทรคุยแบบเห็นหน้า

นี่คือความพิเศษของการสื่อสารในรูปแบบ Smartphone ที่สร้างความอบอุ่นให้ระหว่างต้นสายและปลายสาย แม้ตัวไกลแต่เหมือนอยู่ใกล้กัน เป็นการสื่อสารที่เห็นภาพทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกของคู่สนทนา และยังสามารถ VDO Call แบบกลุ่ม สำหรับกลุ่มเพื่อนที่แยกย้ายอยู่กันคนละที่ ให้สามารถเห็นหน้าพร้อมกันได้หลายคนอีกด้วย

เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมชีวิตทุกด้าน
Businessman checking stock market online

อัพเดทข้อมูลข่าวสาร ทันต่อเหตุการณ์

ในปัจจุบันข่าวสารได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น E-book , E-news กันหมดแล้ว เราจะเห็นหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารกันน้อยมาก เพราะเข้าถึงผู้คนได้ช้ากว่าและไม่ทันต่อปัจจุบัน เราสามารถรู้สถานการณ์ของโลก เหตุการณ์บ้านเมืองทางออนไลน์ได้ และมือถือก็เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เรารับรู้ข้อมูลข่าวสารรวดเร็วกว่า เสพข้อมูลได้เยอะกว่าด้วย

เป็นแพทย์ประจำตัว

ในเบื้องต้นหากร่างกายเกิดความผิดปกติ หรือรู้สึกไม่สบาย ก็สามารถหาข้อมูลคร่าว ๆ เพื่อวินิจฉัยตัวเอง ถึงปัญหาและสาเหตุที่จะสามารถดูแลตัวเอง อย่างน้อยก็ช่วยชะลออาการที่จะเกิดความรุนแรงก่อนไปถึงมือหมอได้ ทำให้ชีวิตมีความปลอดภัยมากขึ้น


นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมาร์ทโฟนที่มีประโยชน์ต่อคนเราในยุคนี้มาก มือถือเพียงเครื่องเดียวสามารถอำนวยความสะดวกได้มากมายและหลากหลาย ขึ้นอยู่กับการใช้งานแต่ละคน แต่ต้องยอมรับกันจริง ๆ ว่าชีวิตดูง่ายและสะดวกขึ้นเยอะ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร