สกุลเงินดิจิตอล มีพื้นฐานมาจาก เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งรวมความปลอดภัยขั้นสูงและมีการกระจายอำนาจที่สมบูรณ์แบบ คนธรรมดาส่วนใหญ่มองว่าเทคโนโลยีนี้ซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่ที่จริงแล้วมันง่ายมาก วันนี้เราจะบอกเกี่ยวกับ บล็อกเชน ในแบบที่ทำให้คุณเข้าใจได้เพียงครั้งเดียว และทำให้คุณเชื่อมั่นในสกุลเงินดิจิตอล
ความหมายทั่วไปของบล็อกเชน คือ บัญชีที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนซึ่งไม่สามารถแก้ไขการบันทึกได้ ไม่มีใครเปลี่ยนหรือแก้ไขข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในบล็อกเชนได้ตามใจชอบ
ตัวอย่างงาย ๆ ของเทคโนโลยีบล็อกเชนใน Bitcoin
ตัวอย่าง เช่น มีคนสิบคนได้ตั้งกองทุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้ยืมเงินระหว่างกัน พวกเขาทำบัญชีสำเนาเพื่อจดสิ่งต่อไป : ใครและต้องการยืมเงินจำนวนเท่าไหร่ ใครและสามารถให้ยืมเงินได้เท่าไหร่ และธุรกรรมไหนที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว เวลาผ่านไปการบันทึกรายการบัญชีพวกนี้จะยุ่งยากและไม่ปลอดภััย เพราะว่าอาจมีรายการที่ตกหล่นบางรายการ และการเปลี่ยนแปลงการบันทึกนั้นทำได้ง่าย
ป้องกันบัญชีและทำให้คล่องตัวได้อย่างไร
ผู้ร่วมงานที่พูดถึงเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเข้าใจโปรแกรมกับการเข้ารหัส พวกเขาให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้น และได้ตัดสินใจสร้างเอกสารทางอีเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งไปยังสมาชิกทุกคนในกลุ่ม
ตัวอย่าง เช่น ผู้ร่วมงานคนหนึ่งกรอกข้อมูลลงตารางซึ่งมีการทำธุรกรรมทุกอย่างจนกระทั่งหน้านั้นเต็ม จากนั้นคนคนนัั้นจะสร้าง Rollup โดยแปลงข้อมูลในตารางเหล่านั้นด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์ที่มีพื้นฐานจากอััลกอริทึม และจะรับรองความถูกต้องโดยลายมือชื่อแบบดิจิทัลที่พิเศษ ในโลกของสกุลเงินดิจิทัลเรียกกระบวนการโรลอัปนี้ว่า Hashing
มันป้องกันข้อมูลในตารางจากการถูกแก้ไขโดยบังเอิญหรือตั้งใจ คนที่กล่าวถึงจะกำหนดหมายเลขบนหน้า บันทึกมัน แล้วส่งเอกสารนี้ไปยังสมาชิกกลุ่มทุกคน เขาควรได้รับค่าตอบแทนในงานที่เขาทำนี้ เพราะได้ใช้ความพยายามในการจัดการข้อมูลทั้งหมด ซึ่งก็ยุติธรรมดี เพื่อนร่วมงานที่เหลือเห็นพ้องตรงกันว่าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับคนที่กรอกข้อมูลลงตาราง
ต่อไปคืออะไร
เอกสารฉบับนี้ถูกจัดเก็บอย่างครบถ้วนโดยสมาชิกทุกคนในกลุ่มจนกระทั่งจำเป็นต้องมีการบันทึก เมืื่อหน้าแรกเต็มแล้วก็ให้เริ่มที่หน้าที่สอง
ก่อนกรอกข้อมูลลงไป สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มจะตรวจสอบบันทึกจากหน้าก่อนหน้านี้กับโรลอัปว่า กรอกข้อมูลครบถ้วน หมายเลขที่ถูกกำหนดในหน้าใหม่ ข้อมูลเกี่ยวโรลอัปหน้าก่อนหน้านี้ได้เพิ่มแล้วหรือไม่ จากนั้นจะมีการกรอกข้อมูลในหน้าใหม่
เมื่อมีจำนวนหน้ามากขึ้น ระบบที่ใช้มือทำจึงเป็นเรื่องยุ่งยากและเสียเวลา ดังนั้นเพื่อนร่วมงานจึงตัดสินใจใช้กระบวนการอัตโนมัติ สมองอิเล็กทรอนิกส์จะทำงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ใครจะเป็นผู้ดูแลตารางนี้
เมื่อมีการจ่ายค่าตอบแทนการดูแลตาราง สมาชิกทุกคนจึงอยากทำหน้าที่นี้ ดังนั้นสมาชิกกลุ่มจึงจัดการแข่งขันเพื่อกระบวนการคัดสรรที่ยุติธรรม ใครก็ตามที่แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้รวดเร็วจะเป็นผู้ได้กรอกข้อมูลลงตาราง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์จะเป็นผู้ได้แก้ปัญหาเหล่านี้บ่อยกว่า (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า การทำเหมืองบิทคอยน์ )
สมาชิกกลุ่มมีเงื่อนไขอีกว่า ต้องกรอกข้อมูลทุก 10 นาที และต้องส่งหน้านั้นให้สมาชิกทุกคนในช่วงเวลาที่กำหนด พวกเขาต้องตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของข้อมูล และต้องลงมาแก้ไขปัญหาชิ้นต่อไป ผู้ชนะตรวจสอบข้อมูลในหน้าก่อนหน้านี้อีกครั้งและสร้างหน้าใหม่ มันจะต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อสร้างหน้าใหม่ หน้าเหล่านี้เป็นบล็อกที่มีอยู่ของบล็อกเชน
การกระจายอำนาจเชื่อมโยงใกล้กับความปลอดภัยและความโปร่งใส
ถ้าสมาชิกกลุ่มคนใดคนหนึ่งพยายามจะโกงและแก้ไขข้อมูลบนหน้า แม้ว่าเพียงแค่หนึ่งอักขระ ทุกคนในกลุ่มจะรู้ทันที การปลอมแปลงเข้าไปจะถูกปฏิเสธโดยสมาชิกคนอื่น ยิ่งกว่านั้นคนที่พยายามจะโกงจะต้องคำนวณใหม่ทุกหน้าและแก้ไขปัญหาแต่ละจุด
สมาชิกกลุ่มที่น่าอันตรายคนนั้นทำได้เพียงแค่แก้ไขข้อมูลถ้าเขามีคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าครึ่งหนึ่งจากประสิทธิภาพทั้งหมดของสมาชิกคนอื่นมารวมกัน มันได้ไม่คุ้มเสียที่คนโกงพยายามจะทำแบบนั้น ปัญหาจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง พูดอีกอย่างก็คือ บล็อกเชนป้องกันมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นี่คือพื้นฐานของบล็อกเชน เราได้เห็นแล้วว่า บล็อกเชน Bitcoin ทำงานอย่างไร มันเข้าใจได้ค่อนข้างง่าย
เทคโนโลยีบล็อกเชนในสกุลเงินดิจิทัลอื่นต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่หลักการของการปฏิบัติการมีพื้นฐานเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกันอาจเป็นระยะเวลาที่ใช้รับรองความถูกต้องของบล็อก ค่าธรรมเนียม ประสิทธิภาพที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหา
ตอนนี้คุณรู้จักเทคโนโลยีนี้แล้วว่าคืออะไร และทำไมสกุลเงินดิจิทัลถึงป้องกันการปลอมแปลงและเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่างจากสกุลเงินทั่วไป
คนจำนวนไม่น้อยเคยได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร
