Tuesday, December 3, 2024

ข้อแตกต่างระหว่าง Ethereum และ Ethereum Classic

Share

จุดกำเนิดของ Ethereum Classic (ETC) นั้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2559 เนื่องจาก Ethereum ชุดเดิมนั้นถูก Hack ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าทางออกที่ดีที่สุดก็คือการ Hard Fork (การย้ายข้อมูลไปไว้ที่ Blockchain ใหม่ เนื่องจาก Blockchain เดิมไม่สามารถแก้ไขได้) แน่นอนว่าการ Hard Fork นั้นได้มีเสียงแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ

  1. ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการ Hard Fork : คือคนที่คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้เงินทุนจาก TheDAO กลับคืนมา ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปล่อยให้แฮกเกอร์ได้เงินนั้นไปฟรี ๆ
  2. ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการ Hard Fork : คือคนที่คิดว่า การจะ Hard Fork เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองนั้น เป็นการลบหลู่ความมุ่งมั่นที่มีมาแต่ดั้งเดิมคือ บล็อกเชนต้องไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ “Code is law” อีกทั้งตราหน้ากลุ่มทีมพัฒนา Ethereum ว่าได้ลงทุนใน TheDAO ไปเยอะ จึงอยากจะ Hard Fork เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง

ซึ่งการ Hard Fork ถึงจะมีเสียงแตกเป็นสองฝ่ายแต่สุดท้ายก็ได้รับผลโหวทข้างมากให้ ทำการ Hard Fork ภายในวันที่ 24 ก.ค. 2559 และขั้นตอนของมันคือการ ย้ายข้อมูลทั้งหมดไปบน บล็อกเชน ใหม่นั่นเอง (เนื่องจากบล็อกเชนไม่สามารถแก้ไขได้ ข้อผิดพลาดจาก TheDAO ก็เช่นกัน เหมือนบ้านที่มีช่องโหว่รอโจรมาปล้นซ้ำ ทางเดียวคือย้ายบ้านใหม่นั่นเอง)

Where Curiosity Meets Creativity

จุดเกิดของ ETC (Ethereum Classic)

เมื่อการย้ายข้อมูลไปบนบล็อกเชนใหม่ที่ได้แก้ไขช่องโหว่เรียบร้อยแล้วสำเร็จลุล่วง เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้ว บล็อกเชนเก่าล่ะ จะทำอย่างไรกับมันดี? ในช่วงก่อนการ Hard Fork เพียง 2–3 วันนั้น มีกลุ่มนักพัฒนาที่ไม่เห็นด้วยกับการ Hard Fork ประกาศตั้งต้นเรียกตนเองว่า Ethereum Classic พวกเขาบอกกับทุกคนว่าเราจะตั้งมั่นในจุดมุ่งหมายเดิม ไม่ว่าอย่างไร Ethereum บล็อกเชนจะต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!

กลุ่ม Ethereum Classic ตั้งขึ้นก่อนการ Hard Fork เพียงไม่กี่วัน เมื่อทีมพัฒนาหลักยังสนับสนุน Ethereum (ETH) แล้ว Ethereum Classic (ETC) ซึ่งมีแต่บล็อกเชนแต่ไม่มีคนพัฒนาเหมือนกับร่างกายที่ไร้วิญญาณ มันจะไปรอดได้อย่างไร?

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่นั้น มีข้อเท็จจริงอยู่อย่างหนึ่งคือ

ใครก็ตามที่ถือครอง ETH ก่อนการ Hard Fork คนนั้น จะได้ ETC จำนวนเท่ากับที่ถือครอง ETH!

(ของมันแน่อยู่แล้ว เพราะ ETC ก็คือจำนวน ETH ก่อนที่จะถูกย้ายสำเนาไปไว้บน บล็อกเชนใหม่นั่นเอง)

จุดเปลี่ยน

ตูมมมม เหมือนฟ้าผ่า เมื่อ Poloniex ประกาศสนับสนุนเทรด ETC/BTC หลังจบการ Hard Fork เท่ากับว่า ETC ที่ถืออยู่นั้นมีมูลค่าขึ้นมาทันที มีการเทรดกันอย่างบ้าคลั่งที่ Poloniex ปริมาณการซื้อขายนั้นแซง ETH อย่างไม่เห็นฝุ่น เหตุผลเพราะว่า คนเทขาย ETC เพราะคิดว่ามันไม่มีมูลค่า ใครอยากรับก็รับไป ใครจะยอมถือของโจร อย่าลืมว่า ETC คือบล็อกเชนเก่าที่โดนแฮก นั่นหมายความว่าโจรมี ETC พร้อมเทอยู่หลายล้านเลยทีเดียว บลาบลาบลา ด้วยเหตุผลอีกมากมาย

แต่อย่าลืมกฏที่ว่า ใครถือ ETH ก่อน Hard Fork เท่าไหร่ จะได้ ETC ไปเท่านั้น

แล้วใครล่ะที่จะถือ ETH ปริมาณมหาศาล? ถ้าไม่ใช่……

Where Curiosity Meets Creativity

ใช่แล้วครับ

จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ และการตัดสินใจเปิดเทรด ETC เป็นเจ้าแรกนั้น ก็รับค่าธรรมเนียมการซื้อขายไปฟรี ๆ เพราะฉะนั้นดูเหมือนว่าเค้กก้อนนี้ Poloniex จะรับไปเต็ม ๆ และเมื่อเห็นเม็ดเงินมหาศาลขนาดนั้น ต่อให้ ETC ไม่มีค่าอะไร เปิดเทรดเอาค่าธรรมเนียมก็รวยแล้ว จะรออะไร BITTREX และ KRAKEN โดดแจมด้วยทันที

เมื่อเว็บเทรดสามทหารเสือร่วมวงแล้ว เว็บรายย่อยก็ร่วมด้วยเช่นกัน

สรุปส่งท้าย

สงครามยังไม่สิ้นสุดอย่าพึ่งนับศพทหาร อะไรก็เกิดขึ้นได้ ณ ตอนนี้ สิ่งที่เห็นชัดเจนคือมีความพยายามในการผลักดันให้ ETC เป็น chain หลัก ด้วยปริมาณ Volume การซื้อขาย แต่อย่าลืมว่า ณ ปัจจุบันนี้ แฮกเกอที่แฮก ETH จาก TheDAO ซึ่งปัจจุบันเป็น ETC นั้นยังไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ

และอย่าลืมว่า ETH เกิดขึ้นมาได้จากทีมพัฒนาขั้นเทพ

แล้ว ETC ล่ะ?

ปล. บทความนี้ค่อนข้างเข้าข้าง ETH โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

Gawao
Gawaohttp://konderntang.com
มีความชอบและหลงไหลในเทคโนโลยีทางด้านไอที การลงทุน และเงินคริปโต .. นอกจากนี้แล้วมักใช้เวลาว่างไปกับการท่องเที่ยว ถ่ายรูป ไปค่ายอาสา ..

Read more

Local News